หนังสือ ประเพณี พิธีมงคล และวันสำคัญของไทยเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับประเพณีปฏิบัติต่าง ๆ ซึ่งมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความเชื่อค่านิยม สภาพแวดล้อม และอื่น ๆ อีกมากมาย ธรรมเนียมต่าง ๆ ที่สืบต่อกันมาผ่านการดัดแปลง กลั่นกรองและแก้ไขเป็นที่ยอมรับกันในสังคมไทยนอกจากจะมีประวัติความเป็นมาอันยาวนานยังแฝงไปด้วยคติ ข้อคิดและปรัชญาอย่างลึกซึ้งที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ในปัจจุบันได้
หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยเนื้อหาที่น่าสนใจมากมาย เช่น พิธีทำขวัญวัน พิธีทำขวัญเดือน พิธีโกนผมไฟ พิธีมงคลโกนผมจุก พิธีมงคลบรรพชา พิธีมงคลอุปสมบท วันโกนและวันพระ พิธีวันมาฆบูชา พิธีวันวิสาขบูชา พิธีทอดผ้าป่า พิธีปลูกเรือน พิธีตั้งศาลพระภูมิ ฯลฯ
ในที่นี้ข้าพเจ้าจะขอยกตัวอย่างเกี่ยวกับพิธีมงคลโกนจุก
ประวัติความเป็นมา
คนไทยสมัยโบราณมักให้เด็กไว้ผมจุกเพื่อให้รู้ว่ายังเป็นเด็กเมื่อเข้าไปอยู่ในชุมชนคนทั่วไปก็จะให้ความเมตตาอุปการะช่วยเหลือ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เมืองไทยเป็นเมืองร้อนหากไว้ผมยาวก็จะทำให้เด็กรำคาญอีกทั้งยังดูแลยาก แต่ใจขณะเดียวกันกะโหลกศีรษะหรือกระหม่อมของเด็กซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ขวัญ” นั้นยังบอบบางโดยเชื่อกันว่าขวัญหรือชีวิตของคนเราอยู่ที่กระหม่อมหากสังเกตจะเห็นว่าบริเวณขวัญของเด็กเล็ก ๆ จะเต้นตุบ ๆ จึงถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญของชีวิตดังนั้นหากไปโกนผมตรงส่วนนั้นออกอาจจะเป็นอันตรายได้จึงโกนเฉพาะส่วนอื่น ๆ ปล่อยตรงขวัญไว้
เมื่อผมยาวมากขึ้นก็จะสร้างความรำคาญแกเด็กและดูไม่เรียบร้อยจึงเกล้ามัดขึ้นเป็นจุกซึ่งในสมัยโบราณนิยมให้เด็กไว้ผมทรงต่าง ๆ ดังนี้
- ผมจุก คือผมที่ขมวดเอาไว้ตรงขม่อมราชาศัพท์เรียกว่า พระเมาลีหรือพระโมลี
- ผมแกละคือผมที่เอาไว้เป็นหย่อมหรือเป็นปอยที่ข้างศีรษะเด็กบางคนก็ไว้แกละเดียวบางคนก็ไว้สองแกละ
- ผมเปีย คือผมที่ไว้ปล่อยยาวให้ห้อยลงมาผมเปียของเด็กจะยาวเฉพาะที่ปล่อยไว้คลุมขม่อมเท่านั้นส่วนอื่น ๆ จะเกลี้ยงเกลา
-
ผมโก๊ะ คือ ผมที่ไว้เป็นหย่อมหรือปอยคล้ายผมแกละแต่ไม่ได้ถักอย่างผมเปียเพียงแต่ผูกไว้ไม่ให้รุงรังจนสร้างความรำคาญให้แก่เด็ก
นอกจากนี้แล้วยังมีเนื้อหาอีกมากมายที่รอให้ทุกคนได้อ่านอีกไม่ว่าจะเป็นพิธีเกี่ยวกับตนเอง เกี่ยวกับครอบครัว เกี่ยวกับเทศกาลและวันสำคัญต่างๆ