ศูนย์รวมหนังสือเก่าหายาก (Rare Item)
และหนังสือใหม่ (ทุกประเภท) หลากหลายสำนักพิมพ์
หนังสือบางเล่ม " อาจมีราคาสูงกว่าราคาปก " เพราะเป็นหนังสือหายากมีคุณค่า เหมาะแก่การสะสม
ทางร้าน "มีต้นทุนที่สูง ในการจัดหา"
ลูกค้าสามารถ กดสั่งซื้อ หยิบลงตะกร้า (Add To Cart) ก็สั่งซื้อได้ทันที โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก
มาตรการป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID 19) มีมาตรการป้องกันไวรัสโคโรนาอย่างเคร่งครัด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกท่าน พนักงานทำความสะอาดหนังสือทุกเล่มด้วยน้ำยาแอลกอฮอล์ ฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัส ห่อถุงพลาสติกอย่างดี ทุกเล่ม
BOOKPANICH
Delivering Happiness
ร่างกายที่เราเห็นได้ด้วยตานั้นก็ค่อยๆก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ หลายสิ่งหลายอย่างก็ค่อยๆเสื่อมสลายไป เช่นเดียวกับที่นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เพิ่งจะค้นพบและพิสูจน์ให้เราเห็น ในขณะที่พระพุทธเจ้าพบคำตอบนี้เมื่อ สองพันกว่าปีมาแล้ว ทุกอย่างต่างก็ต้องเสื่อมสลายเปลี่ยนแปลงไปทั้งนั้น ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นตั้งอยู่แล้วไม่ดับไป ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไปทั้งนั้น และทุกอย่างก็ล้วนแล้วแต่เสื่อมไปเป็นของธรรมดา จะยึดไว้อย่างไรได้
มีเพียงสิ่งเดียวที่จะไม่เสื่อมสลายไปนั่นก็คือ จิตวิญญาณ หรือจิตใจ ของเรา แต่กระนั้นจิตก็ต้องการดูแล และการใส่ใจ เวลาเราป่วยไข้ทางกาย เราไปโรงพยาบาลหรือไปหาหมอ เพื่อการดูแลรักษาร่างกายของเรา แต่จิตใจที่ป่วยไข้ จิตวิญญาณที่ต้องการรับการรักษาเช่นกัน ในยามที่จิตวิญญาณเราป่วยไข้ เราจะพาจิตวิญญาณเราไปไหน ไปหาใคร คงไม่ใช่การไปพบจิตแพทย์ แน่นอน เพราะนั่นเป็นเพียงเรื่องจิตคิด เป็นแค่เรื่องจิตคิด(Mind)ไม่ใช่จิตใจ(Soul) หรือจิตวิญญาณ (Spirtual)
หลายคนเกิดอาการสงสัยว่า จิตวิญญาณอยู่ไหน หรือจิตใจของเราอยู่ตรงไหน ซึ่งแน่นอน ว่าเราไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา เพราะการจะสัมผัสจิตใจหรือจิตวิญญาณได้ ก็ต่อเมื่อเราใช้ใจสัมผัส เราไม่ได้สัมผัสจับต้องได้ด้วยมือ หรืออวัยวะแห่งกายเนื้อตาของเรา
เช่นเดียวกันในยามที่เราป่วยไข้ แท้จริงแล้วไม่ใช่กายเราป่วย จิตใจเราส่งเสียงเรียกร้องอยู่นานแล้ว แต่เราไม่เคยได้ยิน ไม่เคยสนใจฟัง ดังนั้นมันจึงต้องหาวิธีแสดงอาการให้เราเห็นนั่นก็คือ ความเจ็บป่วยทางกายภาพ
ในทางตะวันออก จึงมีหนทางมากมายที่เป็นไป เพื่อให้คนเรากลับเข้ามาสัมผัส และได้รู้จักกับจิตใจของตัวเอง ได้ดูแลจิตวิญญาณของตัวเอง
*ในทางพุทธ เราถูกสอนมาให้รู้จัก ฝึกวิปัสสนา สมาธิ
*ในทางฮินดู ก็เช่นกันนั่นคือการสวดมนตรา การบูชา และการนั่งสมาธิ
*ใน ทางคริสเตียน เราสามารถกลับเข้าไปหาจิตวิญญาณแห่งพระเจ้าได้ ด้วยการอ่านพระคัมภีร์ และการเข้าเงียบเพื่อรู้จักที่จะฟังเสียงข้างใน
* ในทางอิสลาม ก็เช่นเดียวกันแต่ละวันแต่ละเวลาที่เราละหมาด นั่นมิใช่เพื่อสิ่งใดเลย แต่เพื่อการตระหนักรู้ในจิตวิญญาณ และชำระจิตใจเราให้บริสุทธิ์เพื่อสัมผัสกับพระเจ้า
หลายๆแนวทาง มีแนวคิดคล้ายๆกันนั่นก็คือเรามีภาระในการเกิดมาบนโลกนี้และใช้ร่างกายที่มีอยู่นี้เป็นเครื่องมือแห่งการแสวงหาทางจิตวิญญาณและพัฒนาจิตใจและจิตวิญญาณของเรานั้นให้สูงขี้นๆไป หรือไปสู่การพ้นทุกข์นั่นเอง
ดังนั้นแม้โลกนี้ จะมีหนทางอันหลากหลาย แต่กระนั้นก็เป็นไปเพื่อการเดียวกัน นั่นคือ การค้นหาใจ แล้วก็ระวังไม่ให้ "ใจหาย" แค่นี้เราก็อยู่ได้แบบเหนือสุข เหนือทุกข์แล้ว
"ใจหาย " เขียนโดย ธนิษฐา แดนศิลป์