มาตรการป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID 19) มีมาตรการป้องกันไวรัสโคโรนาอย่างเคร่งครัด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกท่าน พนักงานทำความสะอาดหนังสือทุกเล่มด้วยน้ำยาแอลกอฮอล์ ฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัส ห่อถุงพลาสติกอย่างดี ทุกเล่ม
BOOKPANICH
Delivering Happiness
ศูนย์รวมหนังสือเก่าหายาก (Rare Item)
และหนังสือใหม่ (ทุกประเภท) หลากหลายสำนักพิมพ์
หนังสือบางเล่ม " อาจมีราคาสูงกว่าราคาปก " เพราะเป็นหนังสือหายากมีคุณค่า เหมาะแก่การสะสม
ทางร้าน "มีต้นทุนที่สูง ในการจัดหา"
ลูกค้าสามารถ กดสั่งซื้อ หยิบลงตะกร้า (Add To Cart) ก็สั่งซื้อได้ทันที โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก
“...ทรัพย์นั้นจะก่อให้เกิดความสุขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่ความสุขที่หมายมุ่งนั้นยังเป็นความสุขระดับความอยู่รอดหรือเพื่อยังชีวิตให้สะดวกสบายเท่านั้น แต่ถ้าต้องการใช้ทรัพย์เพื่อความอยู่ดีกินดีหรือเพื่อชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือยแล้ว ความสุขจะลดต่ำลงหรือพูดอีกนัยหนึ่งคือ เมื่อมีความสุขอยู่ในขั้นสะดวกสบายแล้ว ถ้ายังแสวงหาทรัพย์เพิ่มเพื่อให้มีความสุขยิ่งขึ้น ผลที่ตามมาก็คือความสุขกลับลดลง...”
บางท่านอ่านดูตอนแรกอาจจะไม่เห็นด้วย แต่ถ้าสังเกตจิตตัวเองให้ดีก็จะรู้ว่าเป็นเรื่องจริงทีเดียว ในเมื่อโลภะเพิ่มขึ้น อยากได้โน่นได้นี่เกินความจำเป็นของชีวิต ก็ต้องดิ้นรนหาทรัพย์มากขึ้น จนไม่มีเวลาทำอย่างอื่นที่เป็นความสุขของชีวิตจริงๆ
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย พระไพศาล วิสาโล พิมพ์ครั้งแรกเมื่อห้าปีที่แล้ว แต่ยังคงน่าอ่านเสมอ ด้วยเนื้อหาที่ยังทันสมัย อ่านง่ายแต่ให้ข้อคิดมาก หนาไม่ถึงเก้าสิบหน้า ข้างในแบ่งเป็นเรื่องสั้นๆหลายเรื่อง อาทิเช่น เส้นโค้งแห่งสุขจากทรัพย์ วัฒนธรรมความร่ำรวย ราคาของความสะดวกสบาย ความพร่องในสังคมที่มั่งคั่ง เป็นต้น
ยังมีอีกหลายคำในหนังสือที่อ่านแล้วสะกิดใจ จนต้องหยุดคิดทบทวนตนเอง อาทิเช่น
“...ความพอดีของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน สุดแท้แต่พัฒนาการทางจิตใจ จิตยิ่งพัฒนามากเท่าไร ความพอดีก็ยิ่งลดระดับลงมามากเท่านั้น ทรัพย์เพียงเล็กน้อยจึงทำให้มีความสุขได้มากมาย ชีวิตที่เรียบง่ายหรือสันโดษเป็นชีวิตที่เปี่ยมสุขได้ก็เพราะเหตุนี้...”
ทั้งนี้เป็นเพราะกิเลสมากก็ยิ่งทุกข์มาก เมื่อละลดกิเลสได้ ความสุขย่อมเพิ่มขึ้นเองโดยไม่ต้องพึ่งเงินหรือวัตถุสิ่งของมากนัก
“...ความไม่รู้จักพอภายใต้วัฒนธรรมความร่ำรวยนี้แหละที่ทำให้ผู้คนเป็นอันมากรู้สึกว่าตนยากจนหรือยังมีไม่พอ ทั้งๆที่แต่เดิมอาจจะไม่เคยรู้สึกว่ายากจนเลย...”
“..ความร่ำรวยที่แท้จริงมิอาจได้มาด้วยการแสวงหาหรือสะสม หากเกิดขึ้นได้ทันทีที่รู้จักพอ...”
คงเพราะอย่างนี้กะมังที่คนรวยแล้วก็ยังโกงกิน คนจนก็อยากรวย คนพอมีพอกินก็อยากรวยกว่านี้ ต่างต้องดิ้นรนแสวงหาไม่รู้จักจบสิ้น ทั้งที่ความรวยที่แท้จริงก็คือการรู้จักพอ
“...ในสังคมที่เจริญมั่งคั่ง เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ผู้คนกลับมีเวลาว่างน้อยกว่าชาวบ้านในชนบทที่แทบไม่มีเครื่องทุ่นแรงทุ่นเวลาเลย...”
ส่วนหนึ่งที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า เมื่อความต้องการเสพมีมาก ก็ต้องเสียเวลาหาทรัพย์มากขึ้น จนลืมไปว่าความสุขที่แท้จริงคืออะไร
“...ข้อมูลเป็นอันมากไม่ได้มีไว้เพื่อกระตุ้นปัญญา หรือเพื่อให้คิดใคร่ครวญ แต่เพื่อกระตุ้นความหยากความหลงใหล หรือแม้กระทั่งความรู้สึกด้อยในตัวเราโดยตรง...”
“...ความเต็มอิ่มของชีวิตนั้นไม่อาจเกิดขึ้นได้ด้วยการพัวพันและปรนเปรอวัตถุใส่ตน หากเกิดจากอิสรภาพและการสละ...”
ถ้าสังเกตจิตของตัวเองจะรู้ว่า จิตเป็นกุศลเมื่อเราสามารถสละสิ่งของให้ผู้อื่น ในทางตรงข้าม เมื่อเรามีความต้องการอยากได้อะไรบางอย่าง จิตก็เป็นอกุศลด้วยโลภะความอยาก และด้วยโทสะเมื่อไม่ได้สิ่งนั้นมา
“....ไม่ว่าเราจะพัฒนาเทคโนโลยีเพียงใด แต่หากยังไม่พัฒนาจิตใจหรือเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตน เทคโนโลยีก็ยากที่จะแก้ปัญหาของเราได้...”
จำนวนหน้า 96 หน้า