รหัสสินค้า | JH1275 |
หมวดหมู่ | หนังสือ ปรัชญา ศาสนา ความเชื่อ |
ราคา | 250.00 บาท |
ลงสินค้า | 21 พ.ย. 2561 |
อัพเดทล่าสุด | 21 พ.ย. 2561 |
คงเหลือ | 0 ชิ้น |
จำนวนหน้า 242 หน้า
พิมพ์ครั้งที่ 7 พ.ศ 2553
ตอนที่ 1: พบพระประหลาด
อยู่กับปู่
ขณะที่จับปากกาขึ้นมาเขียนเรื่องนี้ เหลือบดูนาฬิกาเป็นเวลา ๑๕.๔๕ น. ของวันพุธที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ เราสองสามี ภรรยาเพิ่งกลับจาก "ถ้ำไก่หล่น" ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาเหตุที่ตัดสินใจเขียนบันทึกเรื่องราวที่ได้ประสบมา เพราะเห็นว่าสิ่งที่จะพูดถึงต่อไปนี้มีคุณค่าควรแก่การจดจำไปชั่วชีวิต ชั่วลูกชั่วหลาน คงน่าเสียดายมากถ้าเราจะปล่อยให้เรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้ ตายไปพร้อมกับตัวเรา แต่กว่าจะได้ลงมือบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ เวลาก็ล่วงเลยมานานหลายเดือน
จำได้ว่าวันนั้นเป็นวันจันทร์ที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๖ กลับจากโรงเรียนตอนเย็น พบว่าสามีมีท่าทางตื่นเต้นขณะพูดกับฉันทำนองว่า อาจารย์หญิงวิทยาลัยครูเพชรบุรี (ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นสถาบันราชภัฏ) ชื่อพี่บุญล้อม ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงาน มาชักชวน เขาให้ช่วยพาไป "ถ้ำไก่หล่น" ได้ข่าวว่ามีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาพำนักอยู่ รายละเอียดยังไม่ทราบ แต่ลูกศิษย์ของอาจารย์หญิง ซึ่งเป็นทหารค่ายธนรัชต์ ปราณบุรี บอกว่าสงสัยจะเป็น "หลวงปู่พระครูเทพโลกอุดร" ฉันหูผึ่ง ตาลุกขึ้นมาทันที เพราะเคยอ่านประวัติอันแสนลี้ลับพิสดารของหลวงปู่รูปนี้ในนิตยสารฉบับหนึ่งนานมาแล้ว คิดว่าเป็นเพียงตำนานที่เล่าขานกันมา ไม่เชื่อว่าจะมีจริง ถึงมีจริงก็ไม่เชื่อว่าใครจะได้พบท่านง่ายๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเราต้องพิสูจน์ ตกลงกันว่าให้เขาไปก่อน ถ้าเป็นจริงตามคำร่ำลือ ก็อยู่สนทนาซักถามธรรมะให้มากๆ ถ้าไม่จริงจงรีบกลับ จะให้ดีควรจับตามองว่ามีประสงค์อะไรกันแน่ ถึงได้ปล่อยข่าวแอบอ้างว่าเป็นหลวงปู่เทพ-โลกอุดร
สมัยก่อนเราเป็นคนไม่เข้าวัดทั้งๆ ที่จังหวัดเพชรบุรีมีวัดเรียงรายเต็มไปหมด แต่ไม่ประทับใจในวัด หรือพระสงฆ์เอาเสียเลย ไม่เห็นท่านทำอะไรนอกจากบิณฑบาตรับนิมนต์งานบุญ ฯลฯ ไม่เกี่ยวกับชีวิตเราสักเท่าไร ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า ถ้าจะสนใจพระก็สนใจเรื่องอภินิหาร เครื่องรางของขลังมากกว่าธรรมะ ต่อมาพอชีวิตประสบแต่เคราะห์กรรม จึงเริ่มหันหน้าเข้าหาวัด เคยไปบวชชีพราหมณ์ที่วัดใกล้บ้าน ซึ่งเลือกแล้วว่าพระสงฆ์วัดนี้มีข้อวัตรปฏิบัติเคร่งดี แถมฉันอาหารมังสวิรัติอีกต่างหาก ยังรู้สึกประทับใจ กับชีวิตคนวัดที่มีแต่ความสงบ เยือกเย็น แต่นานไปก็ถอยห่างจากวัดนั้น เพราะรู้สึกว่าแนวนี้ไม่ถูกกับจริตของเรา ยังมีอะไรๆ ให้เคลือบแคลงสงสัย ซึ่งหาคำตอบไม่ได้
จากนั้นก็ท่องเที่ยวไปทุกวัดที่ดังๆ ได้พบเกจิอาจารย์หลายรูปแบบที่มีแนวการสอนเฉพาะตน ประทับใจในบรรยากาศอันสวยงามของโบสถ์วิหาร และความร่มรื่นของมวลแมกไม้ที่ขึ้นเขียวครึ้ม แต่มาติดขัดตรงที่ว่า เราไม่สามารถจะเข้าถึงตัวเจ้าสำนักได้เลย มีหน่วยคุ้มกันพิเศษบ้าง บรรดาศิษย์ใกล้ชิดบ้างประกอบกัเป็นคนช่างระแวงสงสัย พอเห็นอะไรไม่ชอบมาพากลก็เริ่มถอย เรียกว่า ไม่ปิ๊งในธรรมะ บอกกับตัวเองว่า นี่ไม่ใช่แนวที่เราชอบ พอมีพระบางรูปที่เคารพนับถือได้แก่ ท่านพุทธทาสภิกขุ สอนตรงแนวดี แต่ท่านก็อยู่ไกล อายุท่านก็มาก ไม่มีโอกาสได้สัมผัสใกล้ชิด ได้แต่หาหนังสืออ่าน
สาเหตุที่อาจารย์หญิงมาชวนสามีไปเป็นเพื่อนเพราะ หนึ่ง เขาเป็นผู้ชาย เข้าป่าเข้าดงจะอุ่นใจกว่าเพศเดียวกัน สอง เขามีรถปิคอัพ น่าจะสะดวกในการบุกป่ากว่ารถเก๋งคันงาม พูดถึงปิคอัพคันนี้ มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง ปีก่อนโน้นจอดทิ้งไว้หน้าบ้าน พอเช้าขึ้นมาก็อันตรธารหายไปเสียแล้ว หนึ่งปีให้หลังได้คืนมาอย่างไม่คาดฝัน โดยตำรวจเมืองปราณบุรีโทรศัพท์มาแจ้งว่า พบรถของเราที่นั่น เราไม่ได้วิ่งเต้นแจ้งความบนบานศาลกล่าวอะไรเลย ส่วน รายละเอียดว่า รถคันนี้หายไปอย่างไร ไปอยู่กับใคร ก็อย่าไปสนใจ เลย เอาเป็นว่าพอได้คืนมาไม่กี่วัน อาจารย์หญิงเพื่อนสามีมาชวนไปหาพระที่ถ้ำไก่หล่น รถคันนี้ทำให้เราได้พบพระประหลาด และยังได้รับใช้ท่านอีกมากมายในเวลาต่อมา
ตอนแรกนัดกันว่าจะไปพรุ่งนี้ (วันอังคารที่ ๑๖ มีนาคม) สามีนึกอย่างไรไม่ทราบ ขอเลื่อนเป็นวันพุธ พอเช้าวันพุธ ฉัน ไปโรงเรียนตามปกติ ส่วนเขาไปถ้ำกับพี่บุญล้อม มีอาจารย์หญิง (พี่ดวงพร) ไปด้วยอีกคน รวมเป็นสามคน จนเย็นมากแล้วยังไม่กลับกันมาอีก ประมาณหนึ่งทุ่ม เขาจึงกลับมาด้วยท่าทางอิดโรย แต่แววตาสดใส บอกถึงความตื่นเต้นพอใจอะไรสักอย่าง ฉันรีบ ซักถามทันทีว่าเป็นอย่างไร เขาจุ๊ปาก ยกหัวแม่มือชูร่า แล้วเล่า รายละเอียดว่า
ถ้ำไก่หล่นไม่ใช่วัด ไม่ใช่สำนักสงฆ์ แต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีพระธุดงค์แวะเวียนมารูปแล้วรูปเล่า ต้องปีนบันไดขึ้นไปสองร้อยกว่าขั้น ส่วนรถก็จอดทิ้งไว้ข้างล่าง เป็นลานกว้าง มีป่าเบญจพรรณ ล้อมรอบไปด้วยภูเขา ที่เหนื่อยเพราะปีนบันไดนี่เอง อายุก็มาก อ้วนก็อ้วน พอฉันถามว่า พระล่ะเป็นอย่างไร เขาบอกว่ายังหนุ่มอยู่เลย แต่ใครๆ เรียกว่า "หลวงปู่" พูดจาไม่ไพเราะ พูดมึงๆ กูๆ ฉันฟังแล้ว อี๊! ชักยังไงเสียแล้ว ฉันข้องใจตรงที่ว่าเป็นพระหนุ่ม แต่คนเรียกหลวงปู่ แถมพูดมึงกูอีก ฟังแล้วไม่เข้าท่า แล้วหน้าตาเป็นอย่างไร เขาก็อธิบายไม่ถูก ฉันถามใหม่ว่า อ้วนหรือผอม เขาบอกไม่อ้วนไม่ผอม แล้วสูงหรือเตี้ยล่ะ สูงๆ เตี้ยๆ ยังไงไม่รู้ บอกไม่ถูก ถ้างั้นขาวหรือดำ ไม่ขาวไม่ดำนะบอกไม่ค่อย ถูกอีก (คนติงต๊อง แค่นี้ก็บอกไม่ถูก) เฮ้อ! เป็นอันว่าไม่ได้ความสักอย่าง หลวงปู่พระครูเทพโลกอุดร หน้าตาเป็นอย่างไรเขาไม่รู้จัก ฉันค้นหนังสือโลกทิพย์ฉบับเก่าๆ มาให้เขาดู เขาส่ายหน้าบอกไม่เหมือน ฉันนึกแล้วว่าต้องไม่ใช่ มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก เขาบอก ว่าช่างเถอะเรื่องนั้น เขาสนใจธรรมะในตัวท่านมากกว่า ไม่เคยเห็น พระแบบนี้มาก่อน พูดจาไม่ไพเราะ แต่ภูมิปัญญาสูงมาก
หน้าที่เข้าชม | 1,386,070 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |