มาตรการป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID 19) มีมาตรการป้องกันไวรัสโคโรนาอย่างเคร่งครัด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกท่าน พนักงานทำความสะอาดหนังสือทุกเล่มด้วยน้ำยาแอลกอฮอล์ ฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัส ห่อถุงพลาสติกอย่างดี ทุกเล่ม
BOOKPANICH
Delivering Happiness
ศูนย์รวมหนังสือเก่าหายาก (Rare Item)
และหนังสือใหม่ (ทุกประเภท) หลากหลายสำนักพิมพ์
หนังสือบางเล่ม " อาจมีราคาสูงกว่าราคาปก " เพราะเป็นหนังสือหายากมีคุณค่า เหมาะแก่การสะสม
ทางร้าน "มีต้นทุนที่สูง ในการจัดหา"
ลูกค้าสามารถ กดสั่งซื้อ หยิบลงตะกร้า (Add To Cart) ก็สั่งซื้อได้ทันที โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก
หนังสือข้อเสนอการเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการ
มนทนาสรุปวัตถุประสงค์ของหนังสือ “ข้อเสนอต่อการจัดการผลพวงรัฐประหาร” ว่าเป็นการรวบรวมสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชน ภายใต้ระบอบการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตั้งแต่ 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา จนถึงช่วงเวลาที่ คสช. หมดสิ้นอำนาจลง และจัดทำเป็นข้อเสนอในการจัดการความเสียหายและผลพวงในช่วงเวลาดังกล่าวที่ยังคงมีต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อร่วมสร้างการเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการ ไปสู่สังคมที่เคารพหลักนิติรัฐและสิทธิมนุษยชน
สาระของหนังสือเล่มนี้มีอะไรบ้าง
ประการที่ 1 หนังสือรวบรวมผลพวงรัฐประหารในมิติ กฎหมาย นโยบาย และกระบวนการยุติธรรม จากการติดตามพัฒนาการการใช้อำนาจรัฐ พบว่ามีรูปแบบการรับรองอำนาจการรัฐประหารอย่างกว้างขวาง พบรูปแบบของการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั้งที่เป็นคดีและไม่เป็นคดี และพบรูปแบบความเสียหายและผลพวงที่ควรได้รับการเยียวยาและชดเชย จัดการต่อไป
ประการที่ 2 หนังสือให้รายละเอียดถึงปัญหาในกระบวนยุติธรรมทางอาญาหลังการรัฐประหาร 2557 รวมถึง “ขั้นตอนส่วนเกิน” ของเจ้าหน้าที่ทหารที่เข้ามารวบรวมข้อเท็จจริง ช่วงที่มีการเรียกตัวไปพูดคุย การจับกุม และการควบคุมตัวไว้ในค่ายทหาร หรือที่อื่นๆ อันมิใช่สถานที่คุมขัง ก่อนที่ข้อเท็จจริงเหล่านี้จะไหลเข้าสู่สายธารกระบวนการยุติธรรม และกระบวนการได้รับขั้นตอนเหล่านี้มาเป็นส่วนหนึ่งของการพิจารณา
ประการที่ 3 ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญที่สุด ศูนย์ทนายสิทธิฯ นำเสนอรายละเอียดข้อเสนอต่อสาธารณะ อันประกอบด้วยข้อเสนอ 4 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 ว่าด้วยการจัดการผลพวงของกฎหมายและคำพิพากษา
ส่วนที่ 2 ว่าด้วยการปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมทางอาญา
ส่วนที่ 3 ว่าด้วยการเยียวยาและชดเชยความเสียหาย
ส่วนที่ 4 ว่าด้วยการจำกัดอำนาจของกองทัพในกิจการของพลเรือน
.
ทำไมต้องจัดการผลพวงการรัฐประหาร
มนทนาสรุปตัวเลขสถิติขั้นต่ำของการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ศูนย์ทนายสิทธิฯ ติดตามข้อมูลตลอด 5 ปีกว่าของการรัฐประหาร ได้แก่
929 คือ จำนวนบุคคลที่ถูกเรียกรายงานตัวในค่ายทหารหรือเข้าสู่กระบวนการปรับทัศนคติ ซึ่งถือเป็นการควบคุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
572 คือ จำนวนบุคคลที่ถูกข่มขู่ คุกคาม และติดตามถึงที่พัก โดยเจ้าหน้าที่รัฐในยุค คสช.
1,211 คือ ตัวเลขรวมของบุคคลที่ถูกดำเนินคดี สืบเนื่องจากการใช้เสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพในการชุมนุม
102 คือ จำนวนขั้นต่ำที่คาดว่าเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศ เนื่องจากความหวาดกลัวในภัยคุกคามต่อชีวิต
ตัวเลขดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้บริบทของการฉีกรัฐธรรมนูญ 2550, การออกสิ่งเสมือน “กฎหมาย” ที่เรียกว่า “ประกาศ/คำสั่ง คสช. และคำสั่งหัวหน้า คสช.” และการออกกฎหมายระดับพระราชบัญญัติโดยองคาพยพของ คสช. ที่ชื่อว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมถึงการเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ทหารเข้าแทรกแซงและชี้นำกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนั้น ยังกล่าวถึงบทบาทของสถาบันตุลาการที่รองรับความชอบด้วยกฎหมายและความสมบูรณ์ของการรัฐประหารอย่างต่อเนื่อง และรับรองเอกสิทธิ์ของเจ้าหน้าที่รัฐมิให้ต้องรับผิด ผ่านการจัดทำคำพิพากษา/คำวินิจฉัย ที่พบได้ทั้งในศาลทหาร ศาลยุติธรรม ศาลปกครอง แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญ
จำนวนหน้า 282 หน้า