หลวงพ่อธุดงค์ โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร

หลวงพ่อธุดงค์ โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
รหัสสินค้า SKU-13646
หมวดหมู่ หนังสือ รวมมิตร bookpa(niche)
ราคา 380.00 บาท
สถานะสินค้า พร้อมส่ง
ลงสินค้า 27 ก.ย. 2563
อัพเดทล่าสุด 26 ก.พ. 2568
คงเหลือ 2 ชิ้น
จำนวน
ชิ้น
หยิบลงตะกร้า
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay
มาตรการป้องกันไวรัสโคโรนา (COVID 19) มีมาตรการป้องกันไวรัสโคโรนาอย่างเคร่งครัด เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้าทุกท่าน พนักงานทำความสะอาดหนังสือทุกเล่มด้วยน้ำยาแอลกอฮอล์ ฆ่าเชื้อโรคและเชื้อไวรัส ห่อถุงพลาสติกอย่างดี ทุกเล่ม
BOOKPANICH
Delivering Happiness
ศูนย์รวมหนังสือเก่าหายาก (Rare Item)
และหนังสือใหม่ (ทุกประเภท) หลากหลายสำนักพิมพ์
หนังสือบางเล่ม " อาจมีราคาสูงกว่าราคาปก " เพราะเป็นหนังสือหายากมีคุณค่า เหมาะแก่การสะสม
ทางร้าน "มีต้นทุนที่สูง ในการจัดหา"
ลูกค้าสามารถ กดสั่งซื้อ หยิบลงตะกร้า (Add To Cart) ก็สั่งซื้อได้ทันที โดยไม่ต้องสมัครสมาชิกให้ยุ่งยาก
หลวงพ่อธุดงค์
 
โดย หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร
 
สารบัญ
 
01. ฝึกธุดงค์
02. ป่า อ.ศรีประจันต์ ตอนที่ ๑
03. ป่า อ.ศรีประจันต์ ตอนที่ ๒
04. ป่า อ.ศรีประจันต์ ตอนที่ ๓
05. ป่า อ.ศรีประจันต์ ตอนที่ ๔
06. ฝึกอตีตังสญาณ ในป่าศรีประจันต์ ตอนที่ ๑
07. ฝึกอตีตังสญาณ ในป่าศรีประจันต์ ตอนที่ ๒
08. พระสอนในป่า
09. ศึกษาตามคำสอนของพระ
10. เตรียมตัวกลับวัด
 
11. อุปสรรคในวัด
12. ไปนมัสการหลวงพ่อโหน่ง
13. เรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อโหน่ง ตอนที่ ๑
14. เรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อโหน่ง ตอนที่ ๒
15. เรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อโหน่ง ตอนที่ ๓
16. ไปนมัสการหลวงพ่อเนียม เรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อเนียม ตอนที่ ๑
17. ไปนมัสการหลวงพ่อเนียม เรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อเนียม ตอนที่ ๒
18. หลวงพ่อปานนำออกธุดงค์
19. ปักกลดที่เขาชอนเดื่อ
20. พระเจ้าของถ้ำหุงข้าว
 
21. ชมบึงบอระเพ็ด และเรียนระลึกชาติต่าง ๆ
22. ธุดงค์ไปนครสวรรค์
23. ไปเที่ยวสุวรรณวิหาร
24. หลวงพ่อจงพยากรณ์
25. ธุดงค์ภาคอีสาน ตอนที่ ๑ (หน้าที่ ๒)
26. ธุดงค์ภาคอีสาน ตอนที่ ๒ (หน้าที่ ๒) update ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๓
27. บ้านหน้าถ้ำที่อีสาน (หน้าที่ ๒) update ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓
28. ถ้ำศรีฐาน (หน้าที่ ๒) update ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๓
29. ไปพักที่ดงพระยาเย็น (หน้าที่ ๒) update ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓
30. ไปพักที่ภูเขาภูกระดึง
31. ไปสายเมืองกาญจนบุรี
32. ขึ้นเขาพระสุเมรุ
33. ไปเที่ยวภูกระดึง(บทสุดท้าย)
 
[ PROFILE ] [ FIND ] [ U2U ]
 posted on 27/11/09 at 09:11 [ QUOTE ]
 
 
ฝึกธุดงค์
 
ท่านสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย จะขอเล่าความเป็นมาสมัยที่บวชใหม่ๆ เพราะว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย เมื่อเห็นปฏิปทาในปัจจุบันก็ดี เมื่อเห็นความเป็นมาต่างๆ ในปัจจุบันก็ตาม อาจจะคิดว่า ตอนบวชใหม่ ๆ คงจะเป็นพระที่มีการเคร่งครัดมัธยัสถ์มาก เพราะว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปาน
 
คำว่า ลูกศิษย์หลวงพ่อปาน นี่ บรรดาท่านพุทธบริษัท ก็จงอย่าคิดว่า เหมือนหลวงพ่อปาน ทุกองค์ หรือว่าจะปฏิบัติคล้ายคลึงหลวงพ่อปานทุกองค์ก็หาไม่ ความจริง พระที่ปฏิบัติตามหลวงพ่อปานจริง ๆ มีไม่ถึงร้อยละสอง ขอกล่าวด้วยความจริงใจ นอกนั้นก็เป็นพระที่อาศัยบารมีกินทั้งนั้น แต่ทว่ามีอาการเบ่ง เวลาไปทางไหนเขาบอกว่าพระวัดบางนมโค คนก็มีความเคารพ ถือว่าเป็นศิษย์หลวงพ่อปาน นี่ก็เป็นเรื่องธรรมดาจะถือว่า หัวหน้าท่านดี แต่ลูกน้องจะดีเหมือนกันทั้งหมด ไม่ใช่
 
แม้แต่ที่วัดท่าซุงเอง ก็เหมือนกัน ก็จงอย่าคิดว่า ท่านจะเป็นนักสมถวิปัสสนากันทุกองค์ บางองค์ก็ยังถือว่า ปฏิบัติถูกตามพระธรรมวินัยใช้ได้ก็มีอยู่ บางองค์ที่มีการเคร่งครัดมัธยัสถ์ในสมถภาวนาก็มีอยู่ ก็ถือว่าใช้ได้ แต่ว่าพระส่วนใหญ่ ประกอบกับงานของวัดห่วงงานวัด ในใจในงานวัดดี อาจจะมีบ้างที่ขี้เกียจ จะมีบ้างหรือเปล่า ก็มองไม่เห็นแต่ถือว่าทำงานกันตามหน้าที่ รู้สึกว่า จะดีกว่าสมัยนั้นมาก ก็รวมความว่า มาเล่าเรื่องอาตมาเองก็แล้วกัน คนอื่นจะไปนินทาเขาทำไม (ความจริงไม่ตั้งใจนินทา แต่ล่อเข้าแล้ว ไม่ใช่นินทาเล่าสู่กันฟัง)
 
เมื่อสมัยที่บวชใหม่ ๆ ก็มีผ้าห่มไม่ดี ผ้าก็เป็นผ้าดิบ เมื่อบวชเข้ามาแล้ว รู้สึกว่าบวชเข้ามาประมาณ 1 เดือน อารมณ์ของพระ 1 เดือนนี่ ความเป็นพระน้อยเต็มที นอกจากระวังพระธรรมวินัย เพราะว่า เห็นอะไรมันดีหมด เห็นทรัพย์สินต่าง ๆ ก็ดีหมด เห็นสาว ๆ ก็สวยหมด (อีตอนเห็นสาว ๆ สวยหมดนี่ มันจะดีมากเกินไป) ก็มาคิดในใจว่า ผ้าเหลืองไม่ได้ทำให้กิเลสหด ถ้าอย่างนั้นก็ลองปฏิบัติธุดงค์ (ธุดงค์ 13 นี่บรรดาท่านพุทธบริษัทมันไม่จำเป็นต้องเข้าป่าเข้ารกเสมอไปหรอก)
 
ไปถามหลวงพ่อปานท่านบอกว่า อยากจะปฏิบัติธุดงค์ตามแบบฉบับใน ธรรมวิภาคปริเฉท 2 จะทำได้ไหม ท่านบอกว่า ทำได้ ท่านถามว่า เธอต้องการอะไร
 
ก็ต้องการ อันดับแรก เอกาสนิกังคะ ก็หมายความว่า กินข้าวเวลาเดียว
 
2. เตจีวริกังคะ ใช้ผ้า 3 ผืน (เอาภาษาไทยดีกว่า) เอา 2 อย่างนี่ก่อน
 
หลวงพ่อปานบอกได้ฉันจะขึ้นให้ แล้วท่านก็แนะนำการปฏิบัติธุดงค์ กินข้าวเวลาเดียวใช้ผ้า 3 ผืน
 
แต่ความจริงเขามีผ้าอาบน้ำฝนเพิ่มขึ้นมา ก็มีเป็นผ้าผลัด เมื่อถึงเวลาวันโกนทีก็ซักย้อมสบง จีวร ใช้ผ้าอาบนุ่ง ย้อมกันที วันโกนก็ย้อมที ผ้าสมัยนั้นต้องย้อม เพระสีตกผ้าสีตกนี่ดี ทำให้พระสีสวยเพราะสีผ้าตกเข้ามาในเนื้อพระ
 
ลองกินข้าวเวลาเดียวอยู่ 1 ปี อาหารที่วัดบางนมโคเวลานั้นไม่ได้ฟุ่มเฟือยไม่ได้มากมายเหมือนกับวัดท่าซุงเวลานี้ มันก็เหมือนวัดท่าซุงเมื่ออาตมามาอยู่ใหม่ ๆ คือ ไม่ค่อยจะมีอะไรกิน หลวงพ่อปานจึงต้องแกงหม้อใหญ่ ๆ 1 หม้อ หุงข้าวกระทะ ข้าวบิณฑบาตก็ไม่พอกิน แกงก็ไม่พอ กับข้าวที่ฉันเช้าแล้ว ก็ต้องเก็บไว้เพล ก็รวมความว่าเพลกับเช้า กินข้าวเหมือนกัน
 
พอมาถือเอกาเช้า กับข้าวที่ถือว่าเป็นพื้นฐานก็คือ ปลาย่าง ปลาย่างกับน้ำปลาแล้วก็พริกแห้งบ้าง พริกขี้หนูบ้าง อะไรก็ตามเท่าที่มี หั่น ๆ ใส่ กินเป็นประจำอย่างนี้ทุกวัน บางทีมีผักบุ้ง ก็เอาผักบุ้งมาต้ม กินกับน้ำปลา กับพริก พริกก็เผ็ด น้ำปลาก็เค็ม ผักบุ้งก็จืด ๆ ก็ใช้ได้ แบบนี้ 1 ปี สังเกตดูแล้วว่า กิเลสมันตกไหม ถึงแม้ว่าจะกินข้าวเวลาเดียว ถือผ้า 3 ผืน ก็ทำตัวเสมอกับพระต่าง ๆ คือว่า ก็ยังสมาคมกับท่านตามปกติ เวลาที่ว่างจากการเจริญกรรมฐาน สำหรับกรรมฐานนี่ว่ากันปกติตั้งแต่วันแรก
 
ก็เป็นอันว่า กินข้าวเวลาเดียวมา 1 ปี สังเกตดูกำลังจิตใจ ทั้ง ๆ ที่เจริญสมาธิกรรมฐานด้วย สมัยแรกก็ใช้ภาวนาว่า พุทโธ อย่างเดียว และใช้กำลังวิปัสสนาญาณบ้าง ก็ไม่มากก็ทำแบบนกแก้ว นกขุนทอง แต่ว่าภาวนาไม่เลิก ภาวนานี่ไม่เลิกแน่ เดินไปเดินมาก็ภาวนา เว้นไว้แต่คุยกับเพื่อน คุยกับเพื่อนก็คุยไป เมื่อเลิกคุยก็ภาวนา เวลาไปบิณฑบาตก็ว่า อิติปิโสฯ ว่าเรื่อยไปจนกว่าจะกลับ นึกในใจนะ อย่างนี้ 1 ปี กิเลสไม่ตกเลย มองดูสาว ๆ ยังสวย มองดูเงินทองยังมีค่า มองดูทุกอย่างท่าทางมันยังดี ก็นึกในใจว่า การถือเอกา กินข้าวเวลาเดียว บางคนเขาถือว่าเคร่งครัดมัธยัสถ์ แต่เนื้อแท้จริง ๆ แล้ว กิเลสยังท่วมหัวตามเดิม
 
ต่อมาเกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า หลังจากนี้ไป เราจะไม่กินของคาว จะเรียกว่า กินเจหรือกินเจ๊อะไรก็ตามใจเถอะขึ้นชื่อว่าของคาวไม่กิน แต่ก็ไม่บอกชาวบ้านให้ทราบถ้าบอกแล้ว เขาจะทำมาลำบาก เราก็บิณฑบาตมาแล้ว อะไรก็ตามที่มันเป็นของคาว เราก็ไม่กินนั่งกินรวมวงกับพระธรรมดา ๆ ไม่ได้แยกไปไหน เลือกกินแต่ของที่มันไม่มีคาว ขณะที่ไม่กินของคาวนี่ใช้เวลา 3 ปี ก็ยังกินข้าวเวลาเดียวตามเดิม ในที่สุด กิเลสก็ไม่ตก สาวก็ยังสวย เงินก็ยังมีค่า วัตถุต่าง ๆ ก็ยังมีค่ามากสวยสดงดงาม เลยมีความเข้าใจว่าการที่เราปฏิบัติทางกายแบบนี้ ตามที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ท่านตรัสว่า มรรคผล ไม่ได้เกิดจากทางกาย มันเกิดจากทางใจ
 
แต่ว่ามีอะไรแปลกอยู่อย่างหนึ่ง ขณะที่ตั้งใจว่า จะไม่กินของคาว บังเอิญวันหนึ่งในระหว่างที่ยังไม่กินของคาวนั่น มีญาติโยมเขาถวายข้าวต้มเครื่อง เขานิมนต์ทั้งวัด จะไม่ฉันก็เกรงใจเขา จะฉันก็คิดว่ามันเสียสัจจะ เขาบอกว่า เอาอย่างนี้ก็แล้วกันเจ้าค่ะ โปรดสักชามหนึ่งเถิด ถึงแม้ว่าจะถือว่า ไม่ฉันของคาว ก็โปรดสักชาม พอกินเข้าไป ช้อนที่หนึ่งทำท่าอืด พอช้อนที่สองอาเจียนทันที อาเจียนอย่างหนัก
 
ญาติโยมตกใจ ต้องหาของไม่มีคาวมาให้พอพ้น 3 ปีไปแล้ว ก็กินของคาวตามเดิม ตอนที่ถือเอกาด้วย ไม่กินของคาวด้วย บรรดาญาติโยมทั้งหลาย กิเลสมันก็ดีตามเดิม ยังไม่ไปไหนเลย สาวสวยก็ยังสวยตามเดิม เงินมีค่า ก็ยังมีค่าตามเดิม วัตถุต่างๆ ก็ยังสวยสดงดงามตามเดิม อารมณ์ต่าง ๆ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปนัก เว้นไว้ว่า จะคุมด้วยกำลังของภาวนา หรือพิจารณาบ้างในบางโอกาสเท่านั้นเอง
 
ก็เป็นอันว่า ปฏิปทาเดิมจริง ๆ และสำหรับการปฏิบัติตัว ก็เหมือนกันพระท่านนั่งคุยที่ไหนไปที่ไหน ก็ไปด้วยกัน เว้นไว้แต่เวลาอยู่เราก็อยู่ในป่าช้าของเราตามปกติ เวลาออกมาก็คุย คุยสนุกสนานตามปกติธรรมดา ไม่แสดงตัวว่า ฉันกับเธอน่ะไม่เหมือนกันนะ ตัดมานะตัวนี้ออกไป
 
ต่อมาก็มีความรู้สึกทางใจว่า เรานี่คงไม่สามารถชนะกิเลสแน่ ถ้าไม่ชนะกิเลส เราจะอยู่หรือเราจะสึกในเมื่อเราออกพรรษาไปแล้ว ก็มานั่งปรึกษากัน 3 องค์ว่า ถ้าเราอยู่ต่อไปเราก็ขาดจากงานที่เราเป็นลูกจ้างเขา นี่เราลาเขามาเพียงแค่ไม่กี่เดือนเวลานี้มันก็ครบแล้ว ถ้าหากว่าเกินเวลาไป ถ้าเราสึกไป เขาก็ไม่จ้างเรา ถ้าเราจะอยู่ ถ้าอยู่ไม่ตลอด มันก็ไม่ดีเหมือนกัน เวลานี้กิเลสทุกอย่างมันก็ห้ำหั่นเรา เราไม่ได้หั่นกิเลส ถ้าอย่างนั้น เอาอย่างนี้ดีกว่า เราสึกกันดีกว่า สึกไปหากิเลส อยู่กับกิเลสให้มันช่ำใจ ให้มันเบื่อกิเลส เพราะการเคล้าคลึงกับกิเลส ในเมื่อเราเบื่อกิเลส เราก็บวชใหม่ ปรึกษากันตอนเช้า
 
พอดีตอนเช้า หลวงพ่อปานท่านก็เดินผ่านมาถึงหน้าบันได ท่านก็เอาไม้เท้า เคาะบันได ป๊อก ๆๆ หันไปหาท่าน ยกมือไหว้ ท่านบอก ว่าอย่างไร อยากไปหา เป็นขี้ข้ากิเลสอย่างนั้นรึ มันไม่มีทางชนะมันหรอก ออกไปแล้ว นอกจากตัวเราคนเดียว เราก็ห่วงขันธ์ 5 ต่อไปไม่ช้า นี่คุณระหว่างที่บวชอยู่นี่ ผู้หญิงเขาจองหลายคนนะ ทั้งสามองค์นี่ แกอย่านึกว่าฉันเป็นพระแก่ฉันไม่รู้นะ ฉันรู้ว่าใครเขาจองเธอหลายคน และที่เขาจองเธอหลายคนนี่ สักคนหนึ่งในจำนวนนั้นอาจจะชนะใจเธอ
 
ในเมื่อเขาชนะใจเธอแล้ว เธอก็แต่งงานกับเขา แต่งงานก็เลยเป็น ขันธ์ 10 คนเดียวขันธ์ 5 สองคนขันธ์ 10 ต่อมา ลูกออกมา ก็เป็น ขันธ์ 15 ลูกออกมาอีก ก็เป็นขันธ์ 20 เพียงแค่ขันธ์ 5 อย่างเดียว ยังมีทุกข์อย่างนี้ จะต้องการขันธ์ 20,30,40 ขันธ์ มันจะมีความสุขได้อย่างไร ความห่วงใยที่คิดว่าจะตัดกิเลส มันตัดไม่ออก กิเลสมันพอกมากขึ้น ตัดสินใจเองก็แล้วกันนะ ว่าอยากจะเป็นอิสระ หรืออยากจะเป็นขี้ข้าเขาต่อไป
 
ท่านพูดแล้วท่านก็ยิ้ม ท่านก็เดินกลับ เราก็นึกในใจว่า เอ..มีเมีย เราก็เป็นขี้ข้าเมีย มีลูก เราก็เป็นขี้ข้าลูก ไปไหนไม่มีอิสระ บวชต่อไปดีกว่า เมื่อมันทนไม่ไหวจริง ๆ เราก็สึก สึกแล้วเรารับจ้างที่เดิมไม่ได้ เราก็ทำมาหากิน ปลูกผักปลูกหญ้าไปตามเรื่องตามราวก็แล้วกัน ฐานะก็พอมีอยู่บ้าง มันไม่ร่ำไม่รวยก็ช่างมันเถอะ มีพอกินไปวันหนึ่ง ๆ ก็ตัดสินใจอยู่
 
นี่เป็นเรื่องราวปกติธรรมดา ๆ นะญาติโยมนะ อย่าไปนึกว่าพระที่กินข้าวเวลาเดียวเคร่งครัดดีกว่าพระอื่น อย่าไปคิดนะ แต่องค์อื่นนั้นอาจจะดีก็ได้ แต่อาตมากิเลสมันท่วมหัวมาแล้ว กินข้าวเวลาเดียว แล้วแถมกินเจประเภทไม่บอกชาวบ้านนี่ มันพิลึกพิลั่นละ กับข้าวที่เขาหามาให้เขาใส่บาตรมาให้ บางทีมันก็มีคาวทั้งหมด ทำอย่างไร เอาน้ำปลากับหัวหอมมาเป็นกับข้าว หัวหอมธรรมดานี่ เป็นกับข้าว กินเป็นปกติ อย่างนี้กิเลสมันยังไม่หดเลย ถ้าเราจะถือมังสวิรัติ หรือกินเจจริง ๆ กิเลสมันจะหดได้อย่างไร เขาทำกับข้าวเวลานี้มันดีมากกับข้าวเจนี่ บางทีไม่รู้ว่าเจ แหม…มีอะไรหลอกเป็นหมูบ้าง เป็นเนื้อบ้าง เป็นไก่บ้าง ตักไปพับ อ้าว…นี่มันไม่ใช่นี่หว่า มันของปลอม
 
ก็รวมความว่า คนอื่นอาจจะลดได้ แต่อาตมามันไม่ลด ก็ตัดสินใจว่า นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราออกธุดงค์กัน ธุดงค์ในวัดเราก็ทำแล้วคือ ใช้ผ้าสามผืน และถือเอกาบางครั้งเราก็ถือเนสัชชิ และโยเฉพาะอย่างยิ่ง กรรมฐานก็ทำแล้วเป็นปกติ กิเลสมันยังไม่ลดไปสักตัว ราคะ ความรัก มันยังมี โลภะ ความโลภ มันยังมี โทสะ ความโกรธ มันยังมี โมหะ ความหลง มันยังมี มันยังมีตัวอยาก จึงตัดสินใจธุดงค์
 
พรรษาที่สอง ตัดสินใจธุดงค์ หลวงพ่อปานก็ฝึกธุดงค์ให้ ท่านก็ถามว่า เธอจะธุดงค์อย่างปกติ หรืออุกฤษฏ์ ก็ถามว่า ปกติเป็นอย่างไรขอรับ ท่านบอก ปกติก็เดินไปตามหลังบ้าน ปักกลดตามหลังบ้านชาวบ้านเขาก็ใส่บาตร ถ้าอุกฤษฏ์จะต้องเข้าป่าลึก ถ้าดีไม่พอเทวดาไม่ให้ข้ากิน ถ้าคืนไหน วันไหน จิตใจเราบริสุทธิ์ รุ่งเช้าเทวดาจะใส่บาตรให้ ก็เลยตัดสินใจบอกว่า ผมต้องการอุกฤษฏ์ครับ ทำมันอย่างจริงๆ เอาจริง ๆ ท่านก็เลยฝึกธุดงค์ให้
 
อันดับแรกก็ฝึกธุดงค์ในป่าช้า หาทางบิณฑบาตกับเทวดา หากินกับเทวดานี่ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มันยากจริง ๆ เอาบาตรไปแขวนกับต้นไม้ แล้วยืนหลับตาพักหนึ่งทำแบบนี้ มาประมาณ 15 วัน
 
ต่อมา เป็นวันที่ 16 หรือ 17 จำไม่ได้ หลับตาภาวนาอยู่เฉย ๆ พอจิตเป็นสุขความจริง วันแรก ๆ มันทำไม่ถูก ก็คิดว่า เมื่อไรเทวดาจะมา ๆ ภาวนาไป คิดถึงเทวดาไป จิตมันฟุ้งซ่าน วันนั้นตัดสินใจตามนี้ เทวดาจะมา หรือไม่มาก็ช่างเถิด ฉันก็มีข้าวกินจากพระอื่น เขาบิณฑบาตมาให้ ก็ทำใจสบาย จับอานาปานสติ แล้วก็เจริญพุทธานุสสติ เห็นภาพพระพุทธเจ้าเท่าที่เคยเห็น ที่ท่านเคยแสดงให้ปรากฏ สวยอร่ามมาก
 
โอ้โห..แท่นใหญ่เบ้อเร่อ ยิ้มแฉ่ง ริมฝีปากแดง ผมดำ สวยสดงดงาม ก็มีคนปฏิบัติอยู่คนหนึ่งชื่อ พุฒ ท่านเรียก มหาพุฒ ๆ เมื่อเห็นท่าน ก็ดูท่านเพลิน ชื่นใจ ประเดี๋ยวได้ยินเสียงฝาบาตรดังก๊ง แล้วมหาพุฒก็บอกว่า คุณ..ลืมตาได้แล้ว เทวดาใส่บาตรแล้ว วันนี้คุณทำถูก ทำอย่างนี้ต่อไปทุกวันนะ จะไม่พลาดจากการได้กินข้าวจากเทวดา แล้วภาพท่านก็หายไป
 
พอลืมตาขึ้นมา เปิดฝาบาตรดู มีข้าวในบาตร สีเหลือง ๆ น้อย ๆ และมีดอกไม้ที่ไม่เคยเห็นมาในกาลก่อนมีอยู่ 1 ดอก เอาข้าวมากินมันมีรสหวานน้อย ๆ มีอารมณ์ชุ่มชื่นตอนนี้ก็ได้ท่าแล้ว วันหลังต่อมาก็ใช้วิธีแบบนี้ หลับตาพับ ไม่สนใจแล้วกับใคร สนใจกับภาพพระพุทธเจ้าอย่างเดียวภาวนา พุทโธ หายใจเข้านึกว่า พุท หายใจออกนึกว่า โธ และนึกถึงภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่าที่เคยเห็น ตอนแรกท่านมาให้เห็นตอนหลังเรานึกเห็นเอาเอง นึกเห็นเอาเองจิตก็เห็นภาพชัดเจน เหมือนกับที่ท่านมาให้เห็นพอได้ยินเสียงฝาบาตร ก๊ง ก็ยกมือไหว้พระพุทธเจ้าเสร็จ ลืมตาขึ้นมา มีข้าวตามเดิม ซ้อมอย่างนี้อยู่ในป่าช้า 15 วัน
 
ถ้าถามว่า ในยามปกติหลังจากนั้นกับพระอื่น ก็เล่นกับเขาธรรมดา เขาคุยสนุกเราก็คุยสนุก เขาแบบไหน เราก็แบบนั้น ก็ถือว่า แค่อะไรก็แค่กัน เวลาปกติก็เป็นเวลาปกติ
 
หลังจากนั้น เมื่อครบ 15 วันเสร็จ ท่านส่งไปที่ป่า โน่น… ป่าศรีประจันต์ อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี 3 องค์ไปซ้อมกันที่นั่น ท่านบอกว่า อีคราวนี้แหละแกถ้าแกไม่ได้กินข้าวเทวดาไม่ให้ แกก็ไม่ต้องกินอะไรทั้งหมด เพราะไม่มีวัดที่อาศัย ไม่มีบ้านที่อาศัย ก็ไม่ไกลบ้านนัก แต่มันอยู่ในป่า กว่าจะเดินออกไปถึงบ้านได้ก็ 2-3 ชั่วโมง ก็ยังไกลหนักเข้าไป ความหวังไม่มีที่พึ่งอื่น อารมณ์ใจก็ยิ่งเป็นสุข อารมณ์ก็เป็น เอกัคคตารมณ์ นั่นก็หมายความว่า ทุกวัน กินข้าวเทวดาได้ทุกวัน

วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาวัชรพล ออมทรัพย์
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาแฟชั่น ออมทรัพย์
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาเดอะมอลล์ ออมทรัพย์
พร้อมเพย์ สาขา- mobile
Scan this!
ณัทกร อภิรติกุล
094-xxxxxx-4
Accept All Banks | รับเงินได้จากทุกธนาคาร

Categories

STATISTICS

หน้าที่เข้าชม1,392,410 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท5 พ.ย. 2568

CONTACT US

0947895624

TRACKCODE

  • ค้นหา
*ใส่ เบอร์มือถือ หรือ email ที่ใช้ในการสั่งซื้อ

เข้าร่วมร้านค้า

ร้านbookpanich
ร้านbookpanich
/www.bookpanich.com/
Join เป็นสมาชิกร้าน
237
สมัครสมาชิกร้านนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษ

ระบบสมาชิก

รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านbookpanich
bookpanich
ศูนย์รวมหนังสือเก่าหายาก (Rare Item) และหนังสือใหม่ (ทุกประเภท) หลากหลายสำนักพิมพ์ หนังสือบางเล่ม " อาจมีราคาสูงกว่าราคาปก " เพราะเป็นหนังสือหายาก ทางร้าน "มีต้นทุนที่สูง ในการจัดหา" และต้องใช้้เวลาในการค้นหา ลูกค้าสามารถ กดสั่งซื้อ หยิบลงตะกร้า (Add To Cart) ก็สั่งซื้อได้ทันที สามารถ....ค้นหาชื่อหนังสือ ด้านบน กดตรงแว่นขยาย นโยบายการคืนสินค้า หากลูกค้าไม่พอใจในสินค้า ทางร้านยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะคืนเงินให้ลูกค้าเต็มจำนวน และขออภัยเป็นอย่างยิ่ง กับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ลูกค้าสามารถแจ้งคืนได้ภายใน 7 วัน ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
เบอร์โทร : 0947895624
อีเมล : tt2456@hotmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม