รหัสสินค้า | SKU-13962 |
หมวดหมู่ | หนังสือ ชีวประวัติ |
ราคา | 250.00 บาท |
สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
สภาพ | สินค้ามือสอง |
เกรด | ดีมาก (95-99 %) |
ลงสินค้า | 12 ต.ค. 2563 |
อัพเดทล่าสุด | 12 ต.ค. 2563 |
คงเหลือ | 1 ชิ้น |
จำนวน | ชิ้น |
ถอดรหัสอัจฉริยะ Leonardo da Vinci
โดย
สรณรัชฎ์ กาญจนะวณิชย์
ดร.สุทัศน์ ยกส้าน
ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ
สำนักพิมพ์สารคดี
ชีวประวัติ
เลโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci) มีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ.1452-1519 ในยุคเรอเนซองซ์ เขาเกิดในเมืองวินชี ใกล้นครฟลอเรนซ์ เป็นบุตรนอกสมรสของผู้ตรวจสอบกฎหมาย เซร์ปีเอโร ดี อันโทนีโอ และหญิงชาวนานามกาเตรีนา เลโอนาร์โดเป็นคนรักสันโดษ ให้ความสนใจธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง และถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาด ในวัย 15 ปี บิดาจึงฝากเขาให้เป็นเด็กฝึกงานในโรงศิลปะของ อันเดรอา เดล เวร์รอกชีโอ ซึ่งเป็นศิลปินและนักออกแบบที่มีชื่อในเมืองฟลอเรนซ์ในยุคนั้น จนอายุได้ 20ปีก็เลื่อนสถานะขึ้นมาเป็นครูสอนศิลปะ
ด้านชีวิตส่วนตัว เลโอนาร์โดรักสัตว์ทำให้เป็นมังสวิรัติ ใช้ชีวิตเป็นโสด บทวิเคราะห์ของ ซิกมันด์ฟรอยจากคำที่เขาเคยกล่าวไว้ และพฤติกรรมตลอดช่วงชีวิตที่มักมีเด็กหนุ่มมาห้อมล้อมอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งงานศิลปะที่สื่อออกมาในลักษณะสะท้อนความงามของบุรุษ ทำให้อาจสันนิษฐานได้ว่า เลโอนาร์โดชื่นชอบมีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน
เลโอนาร์โดเคยมีคดีความข้อหารักร่วมเพศ จนถูกจำคุกประมาณสองเดือน และปล่อยตัวออกมาเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ เหตุการณ์นี้ทำให้เขาลาออกจากโรงศิลปะของ อันเดรอา เดล เวร์รอกชีโอ มารับงานเอง ด้วยข้อเสียที่แม้จะทำงานได้อย่างละเอียดลออลึกซึ้ง แต่มักจะมีแนวคิดใหม่ผุดขึ้นใหม่ตลอดเวลา จึงทำให้ภาพส่วนใหญ่ของเขาเขียนไม่เสร็จ
เลโอนาร์โดทำงานเป็นศิลปินเดี่ยวอยู่ฟลอเรนซ์ได้อีกห้าปี ก็ย้ายไปอยู่เมืองมิลาน และเริ่มสนใจงานวิศวกรรม ด้วยการเขียนจดหมายสมัครงานไปยัง “ดยุคแห่งมิลาน” บรรยายถึงสิ่งประดิษฐ์อัศจรรย์ที่เขาสามารถออกมาให้ผลิตขึ้นมาได้ คืองานสถาปัตยกรรมและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ รวมถึงอาวุธสงคราม การปรับเปลี่ยนภูมิประเทศผังเมือง ระบบระบายน้ำใต้ดิน เขาทำงานอยู่มิลานนานถึง 18 ปี และเริ่มสนใจศึกษากายวิภาคของมนุษย์ ด้วยการนำศพมนุษย์มาผ่าตรวจสอบอย่างละเอียด แล้วเสก็ตภาพเอาไว้
ในปี ค.ศ.1494 ฝรั่งเศลยกทัพบุกอิตาลี ทำให้เลโอนาร์โดต้องนำบรอนซ์ที่จะใช้หล่อรูปปั้นม้า (งานประติมากรรมบรอนซ์รูป ฟรานเชสโก สฟอร์ซากำลังขี่ม้า) ไปหล่ออาวุธสงครามแทน จนกระทั่งกรุงมิลานแตก ผู้อุปถัมภ์เลโอนาร์โดต้องหนีออกจากเมืองไป
เลโอนาร์โดยังคงทำงานอยู่กับผู้ว่าเมืองมิลานชาวฝรั่งเศส ด้วยเหตุการณ์ไข้มาลาเรียระบาดจากแนวคิดการเปลี่ยนเส้นทางน้ำของเขา ประกอบกับปัญหาความผิดพลาดอื่น ๆทำให้เขาไม่เป็นที่ชื่นชมของผู้ว่ามิลานนัก จนกระทั่งปี ค.ศ.1513 เลโอนาร์โดย้ายไปทำงานด้านวิศวกรรมที่โรม แต่ปัญหาความขัดแย้งกับ “เกลันเจโล”ศิลปินที่มีชื่อเสียงและเป็นคู่ปรับของเขายังก่อให้เกิดปัญหาจนเขาอยู่ที่โรมต่อไปไม่ได้ เมื่อ “กีอูลีอาโน” ผู้อุปถัมภ์เสียชีวิต
บั้นปลายชีวิต เลโอนาร์โดเดินทางไปทำงานยังฝรั่งเศลตามคำเชิญของ “พระเจ้าฟรองซัวส์ที่1” ซึ่งทรงเล็งเห็นว่า เลโอนาร์โอดาวิชี เป็นปูชนียบุคคลอันล้ำค่าที่ยังมีชีวิต จึงยื่นข้อเสนอให้ย้ายมาอยู่กับพระองค์ และมีอิสรภาพที่จะคิดสร้างสรรค์ทำงานโครงการใด ๆ ก็ได้ (จึงเป็นสาเหตุให้ภาพวาดล้ำค่า “โมนาลิซา”ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของฝรั่งเศล)
สุดยอดผลงานและแนวคิดของ เลโอนาร์โดดาวินชี
1. ภาพโมนาลิซา (Mona Lisa) สตรีผู้มีรอยยิ้มปริศนา และดวงตาที่ซ่อนไว้ด้วยความหมายลึกซึ้ง
2. สมุดบันทึกอัจฉริยะ เลโอนาร์โดได้ถ่ายทอดความเป็นอัจฉริยะของเขาออกมาในสมุดบันทึกจำนวน 13เล่ม ซึ่งมีภาพวาดเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งเป็นวิทยาการล้ำหน้าเกินสมัยของเขา ทั้งด้าน กายวิภาคศาสตร์ พฤกษศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ดาราศาสตร์ ฟิสิกส์สถาปัตยกรรม วิศวกรรมศาสตร์ ปรัชญา การวางผังเมือง วิทยาการกลาโหม และชลศาสตร์
3. ภาพวาดอาหารเย็นมื้อสุดท้าย (The Last Supper)
4. เดอะวิทรูเวียนแมน (TheVitruvian Man) ภาพวาดมนุษย์เพศชายตามคำบรรยายของ“มาร์คัส วิทรูเวียสพอลลีโอ สถาปนิกและวิศวกรชาวโรมันที่มีชีวิตอยู่ในราว 100 ปี ก่อนคริสตกาล ซึ่งบอกเอาไว้ว่าสัดส่วนของร่างกายมนุษย์คือสถาปัตยกรรมที่สมบูรณ์แบบที่สุด
5. ธรณีกาล (Geologic Time) เลโอนาร์โดมีความเห็นแตกต่างไปจากยุคสมัยนั้นและคัมภีร์ไบเบิลว่า ซากฟอสซิสบนภูเขาสูงด้วยเพราะพื้นที่นั้นเคยเป็นทะเลมาก่อน แนวคิดเกี่ยวกับการกำเนิดหินซึ่งทับถมจากตะกอนที่พัดมากับกระแสน้ำ และพัดพาให้ไหลไปทับถมในทะเล วนเวียนกันเป็นวัฏจักร
6. รถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (The Self-Propelled Car) เป็นการออกแบบรถขับเคลื่อนด้วยระบบกลไกของสปริงและฟันเฟือง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งเคยทดลองสร้างขึ้นมาในปีค.ศ.2004 และพบว่ามันวิ่งได้จริง
7. เมืองในอุดมคติ (TheIdeal City) ภาพร่างวางผังเมืองใหม่ ซึ่งใส่ใจทุกรายละเอียด ทั้งอาคาร ถนน ลำคลอง แม้กระทั่งโรงม้า
8. เกลียวอากาศ (The Aerial Screw) เป็นภาพวาดเครื่องจักรกลที่มีลักษณะคล้ายเฮลิคอปเตอร์ในยุคปัจจุบัน โดยใช้แรงคนช่วยกันปั่นให้หมุนอย่างรวดเร็ว เพื่อให้กระแสลมที่แรงมากพอจะดันให้เครื่องลอยขึ้นไปในอากาศ
9. ปืนใหญ่สามลำกล้อง (TheTripple-Barreled Cannon) การออกแบบปืนใหญ่แบบใหม่ให้มีสามลำกล้อง เพื่อให้สามารถยิงกระสุนปืนได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อกระบอกหนึ่งยิงออกไป อีกกระบอกหนึ่งก็พร้อมที่จะบรรจุดินปืนและกระบอกที่เหลือก็จะมีเวลาเย็นตัวลง
10. เครื่องร่อน (The Wing Glider) อุปกรณ์ช่วยบินในลักษณะขยับปีกไม่ได้ คล้ายเครื่องร่อนในปัจจุบัน
11. สะพานหมุน (Revolving Bridge) ออกแบบสะพานหมุนให้มีการยกตัวขึ้นและลงได้โดยใช้การชักรอก เพื่อประโยชน์ในการติดตามหรือหลบหนีศัตรูในช่วงสงคราม
12. ชุดดำน้ำ (Scuba Diving) การออกแบบอุปกรณ์ที่ช่วยให้มนุษย์อยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานาน โดยทำจากหนังสัตว์ มีท่ออากาศสำหรับหายใจ และเชื่อมกับวัตถุคล้ายระฆังคว่ำบนผิวน้ำ ซึ่งเป็นทางสำหรับอากาศเข้า-ออก
13. การเขียนหนังสือกลับด้าน (Mirror Writing) เลโอนาร์โดบันทึกข้อความต่าง ๆของเขาในสมุดบันทึกด้วยตัวอักษรภาษาอิตาเลี่ยนกลับด้าน สาเหตุมีข้อสันนิษฐานมากมาย อาจเป็นการป้องการเนื้อหาในสมุดบันทึก หรือเป็นเพราะเขาถนัดมือซ้าย ซึ่งอาจจะไปปาดถูกหมึกที่ยังไม่แห้ง
ความคิดเห็น
ด้วยว่าเป็นหนังสือชีวประวัติบุคคล“เลโอนาร์โด ดาวินชี” นักวิทยาศาสตร์และศิลปินเอกของโลก เจ้าของบล็อกจึงไม่อาจเขียนเป็นบทวิเคราะห์ได้ ได้แต่ให้ความเห็นเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเจ้าของบล็อกแทน
ความสามารถอันเป็นอัจฉริยะของเลโอนาร์โด ดาวินชี ผู้ซึ่งสามารถวางแผนผลิตสิ่งประดิษฐ์หลากหลายชนิด และมีความรู้ความเข้าใจในศาสตร์แขนงต่างๆ ล้ำหน้าวิทยาการในยุคสมัยนั้น ทั้ง ๆที่ท่านไม่ได้ศึกษาด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มาก่อน เจ้าของบล็อกเข้าใจว่า ด้วย“พลังของจิตใต้สำนึกของท่านซึ่งถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาด” รวมกับความสามารถด้านจิตกร ช่วยให้ท่านต่อยอดทางความคิดให้ก้าวหน้าไม่มีสิ้นสุด
จากการที่เจ้าของบล็อกเคยอ่านทำความเข้าใจเกี่ยวกับ“พลังของจิตใต้สำนึก” จากหนังสือหลาย ๆเล่ม จิตใต้สำนึกสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างละเอียดยิบ คือทุกขณะจิต ซึ่งส่วนใหญ่จะเก็บข้อมูลเป็นภาพ มากกว่าภาษาหรือตัวอักษร รวมถึงสามารถเก็บข้อมูลข้ามภาพข้ามชาติ และหยั่งรู้ทุกสิ่งทุกอย่างของจักรวาลได้อย่างน่าอัศจรรย์ หากเพียงเราสามารถดึงพลังของจิตใต้สำนึกมาใช้ได้ โดยผ่านการทำสมาธิ หรือเพ่งพินิจ
เจ้าของบล็อกเข้าใจว่า เลโอนาร์โด ดาวินชี ฝึกสมาธิด้วยการวาดภาพจากจิตใต้สำนึก และนำภาพที่วาดออกมาต่อยอดความคิดและพลังของจิตใต้สำนึกต่อไปเรื่อย ๆ จนแนวคิดของท่านล้ำหน้าเกินกว่าวิทยาการในสมัยเดียวกัน
ความเห็นอีกประการ ซึ่งหนังสือเล่มนี้มีกล่าวไว้ ด้วยการนำ “เลโอนาร์โด ดาวินชี” ไปเปรียบเทียบกับ “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์” นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ซึ่งมีแนวคิดก้าวล้ำหน้ายุคสมัยของตนเช่นกัน เจ้าของบล็อกเข้าใจว่า หากมองด้านกายภาพแล้ว สมองทั้งสองซีกของทั้งสองท่านทำงานสอดคล้องหรือประสานกันได้ดีกว่าคนทั่วไป หลังการเสียชีวิตของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์มีการผ่าชันสูตรศพของท่าน พบว่าสมองของไอน์สไตน์ไม่มีร่องแบ่งสมองทั้งสองซีกออกจากกันอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับคนทั่วไป
เพื่อนนักอ่านหลายท่านคงทราบกันดีว่า สมองของคนเรานั้นแบ่งเป็นสองซีก โดยซีกซ้ายจะทำงานด้านเหตุและผลหรือการคำนวณ ส่วนด้านขวาจะใช้ในการจินตนาการ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า สมองฝั่งจินตนาการของนักวิทยาศาสตร์เอกทั้งสองท่านสามารถส่งผ่านความคิดไปยังสมองอีกซีกหนึ่ง แล้วแปลจินตนาการนั้นออกมาเป็นรูปธรรมได้มีประสิทธิภาพกว่าคนทั่วไป ความสามารถในการเขียนหนังสือกลับด้านของดาวินชี น่าจะยืนยันถึงการสอดคล้องประสานงานกันของสมองส่วนต่าง ๆของท่านได้เป็นอย่างดี
ด้านชีวิตส่วนตัวของดาวินชี ที่มีความแนวโน้มว่าจะรักชอบเพศเดียวกันนั้น เจ้าของบล็อกมีความเห็นว่าเป็นไปได้สูง เพื่อนนักอ่านหลายท่านคงเคยสังเกตเห็นว่า บุคคลบางกลุ่มโดยเฉพาะเพศชายที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ หรือมีรสนิยมชอบเพศเดียวกัน มักจะมีความสามารถในวิชาชีพของตนสูงหรือโดดเด่นกว่าคนทั่วไป จนราวกับว่าความบกพร่องทางเพศของท่านเหล่านั้น ถูกแทนที่ด้วยความสามารถด้านต่างๆ ขึ้นเป็นทวีคูณ
เรื่องราวของสมุดบันทึกดาวินชีกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง จากนิยายเรื่อง “รหัสลับดาวินชี”ของนักเขียนนาม Dan Brown ซึ่งมีบทวิเคราะห์ไว้ในหนังสือเล่มนี้ น่าเสียดายที่เจ้าของบล็อกยังไม่มีโอกาสได้อ่านนิยายเล่มดังกล่าว จึงไม่ขอออกความเห็นไว้ในที่นี้
สิ่งที่สะดุดอยู่ในความรู้สึกของเจ้าของบล็อก ภายหลังอ่านหนังสือเล่มนี้จบก็คือ สมุดบันทึกอัจฉริยะของท่าน ซึ่งก่อนจะเสียชีวิต ดาวินชีได้ฝากฝังไว้กับศิษย์เอก “เมลซี”ด้วยความหวังว่า วิทยาการจากการค้นคว้าตลอดชั่วชีวิตของท่านจะถูกเผยแพร่และเป็นประโยชน์ต่ออนุชนรุ่นหลัง หนังสือไม่มีบอกไว้ว่าเมลซีพยายามเผยแพร่ข้อมูลในสมุดบันทึกหรือไม่ แต่หลังการเสียชีวิตของเขา สมุดบันทึกก็ถูกทิ้งขว้างอย่างไร้ค่า ถูกขายไปเป็นเศษกระดาษถึงสามในสี่ของทั้งหมด ส่วนที่ยังเก็บรักษาเอาไว้ได้ ก็ถูกเก็บลืมอยู่ในหอสมุดนานนับร้อยปี
โลกคงวิวัฒนาการล้ำยุคไปกว่านี้ หากวิทยาการจากสมุดบันทึกจะถูกนำมาต่อยอดทางความคิดตั้งแต่ครานั้น ในเมื่อสมุดบันทึกอัจฉริยะของนักวิทยาศาสตร์และศิลปินเอกของโลกยังถูกละเลยนับร้อยปี ผลงานของนักหัดเขียนอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ที่ถูกเพิกเฉยหรือปฏิเสธจากสำนักพิมพ์ต่างๆ คงถือเป็นเรื่องธรรมดาของโลก
หน้าที่เข้าชม | 1,365,709 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 8 ก.ย. 2568 |