รหัสสินค้า | SKU-17243 |
หมวดหมู่ | หนังสือ ปรัชญา ศาสนา ความเชื่อ |
ราคา | 450.00 บาท |
สถานะสินค้า | พร้อมส่ง |
ลงสินค้า | 15 ม.ค. 2564 |
อัพเดทล่าสุด | 15 ก.ค. 2567 |
คงเหลือ | 1 ชิ้น |
จำนวน | ชิ้น |
..ลูกรัก...
สิ่งที่พ่อเขียนต่อไปนี้ มิใช่ข้อนำเสนอแนะ หรือขอให้เจ้ายอมรับ แต่พ่อถือว่าเป็นการชี้หนทางให้เจ้าเลือก ซึ่งก็สุดแต่ปัญญา ดุลยพินิจ พิจารณาของลูก ที่เจ้าจะเลือกเดินทางไหน
พุทธะอิสระ
๑
ลูกรัก.....แง่มุมของ พุทธศาสนา เจ้าจักมองพุทธศาสนา ในแง่มุมไหน มองในมุมของศิลปะ นั้นหมายถึงศิลปวัตถุและศิลปในการครองชีวิตเช่น สอนให้มีชีวิตที่เป็นระเบียบ เรียบง่าย สุขุม แยบคาย ทำลายกิเลส ช่างวิเศษได้อารมณ์ สำหรับผู้พบเห็น
มองในแง่มุม วัฒนธรรม เช่นการยอมรับกันและกันโดยคุณธรรม ความรู้ ซึ่งตรงกับวัฒนธรรมสากล
โดยวัยวุฒิ คือผู้น้อยเคารพผู้ใหญ่ อันเป็นลักษณะเฉพาะของพุทธศาสนา
โดยชาติวุฒิ คือการยอมรับโดยฐาน เป็นสมมุติสัจจะ ที่อยู่ร่วมในสังคม แต่ก็ไม่หลงติดคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งหมดนี่แหละเป็นเหตุให้เกิดระเบียบพิธีปฏิบัติต่อการยอมรับอันมีลักษณะต่างต่างกันและก็กระทำกันโดยสม่ำเสมอ จนกลายเป็นวัฒนธรรมประเพณี
มองในแง่มุมของ ระเบียบวินัย และแบบแผนซึ่งก็มีสอนทั้งสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำและสิ่งที่เป็นคำสั่ง คือ ห้ามเด็จขาด
มองในแง่ของ คุณธรรม เช่นกานสอนให้รู้จักละอายชั่ว ทั้งที่อยู่ต่อหน้าและลับหลัง และสอนให้เกรงกลัวผลของบาปที่ตนกระทำ แทนที่จะมากลัวต่ออำนาจฟ้าดิน ผีสางเทวดา รวมทั้งสอนให้รู้จักหน้าที่ กระทำหน้าที่ ซื่อตรงต่อหน้าที่ รับประโยชน์จากหน้าที่ และสุดท้ายอย่ายึดติดในหน้าที่ และถ้ามองในแง่มุมของ ปรัชญาคือสิ่งที่เห็นแจ้งต่อการพิสูจน์ และประกอบด้วยเหตุผลทุกขั้นตอน เช่นคำสอนที่ว่า สิ่งทั้งปวงเกิดแต่เหตุ เมื่อจะดับก็ต้องดับที่เหตุ เช่นนี้เป็นต้น
มองในแง่มุมของ ปัญญา ปัญญาคือสิ่งที่อยู่เหนือสมอง แต่เกิดจากการพิสูจน์ทราบและลุถึงมั่น นั่นแหละปัญญา เช่นนี้มีปัญญาเท่าทันอารมณ์ ปัญญารู้เท่าทันอาการเกิดดับของจิต ปัญญาในการรู้แจ้งว่าความไม่รู้เป็นเหตุให้เกิดความอยาก (ที่เรียกว่าตัณหา)
เมื่อความอยากเกิด ก็ทำให้เกิดการยึดถือ ( เรียกว่าอุปาทาน ) ความยึดถือ ก็เป็นเหตุให้เกิด การเกิด แก่ เจ็บ ตาย และรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเหตุแห่งทุกข์ที่ทนได้ยาก และถ้าจะดับทุกข์ ก็ต้องทำให้เกิดความรู้แจ้ง
เมื่อความรู้เกิด ความไม่รู้ก็ไม่ปรากฏ ความไม่รู่ว่านี่ ตันหาคือความอยากก็ดับ เมื่อตันหาดับ อุปาทานความยึดถือก็ดับ อุปาทานดับ ชาติ ( การเกิด ) ชรา ( การแก่ ) มรณะ ( การตาย ) ก็ไม่มี ความทุกข์ที่ทนได้ยากก็จักไม่ปรากฏ
มองในแง่มุมของ จิตวิทยา พุทธศาสนาก็ได้กล่าวสอนให้รู้เท่าทันการเกิดดับของจิตรู้แจ้งในอารมณ์ที่มาสิงอยู่ในจิตรู้จักชำระล้างสิ่งที่สิงอยู่ในจิต รู้จักเหตุและที่สถิตย์ของจิตที่เกิดดับ เจ้าจะต้องแสดงให้ครูผู้ยิ่งใหญ่ ให้รู้ว่า ถ้ามองในแง่มุมของสัจธรรม คือความจรองของธรรมชาติ ก็ต้องกล่าวว่า พุทธศาสนาสอนให้รู้จักธรรมชาติของสัตว์ คนเทวดา พรหม มาร โลกและจักรวาล ได้อย่างตรงและถูกต้องต่อความเป็นจริง
ถ้าจักมองในของ วิมุตติธรรม คือธรรมเครื่องนำพาให้หลุดพ้น ก็ต้องมองในเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สรรพสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เกิดขึ้นตั้งอยู่ และดับไป ไม่มีตัวตนคงที่แน่นอนแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าธรรม แล อธรรม
ถ้าจักมองในแง่มุมของ ศาสนาสากล ก็ต้องมองว่าคำสอนของพระพุทธศาสนา สอนอย่างมีเหตุให้ผู้ฟังตรองตามและพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ ( ถ้าผู้ฟังทดลองปฏิบัติ ) ทุกชาติ ทุกภาษา โดยไม่ยกเว้นและก็เป็นศาสนาที่สามารถเอื้ออำนวยประโยชน์ให้สรรพสัตว์ ธรรมชาติ โลกและจักรวาลให้อยู่รวมกันโดยสันติสุข พ้นทุกข์ ดับทุกข์ในที่สุด
พุทธะอิสระ
๒
ลูกรัก
...สำหรับพ่อแล้ว คำว่า ศาสนา มิใช่กฎเกณฑ์กติกา ระเบียบแบบแผน ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี หรือความดีกับความชั่ว
ศาสนา มิใช่การทำตัวให้ไปอยู่กับพระเจ้า หรือเป็นบ่าวของพรหม
ศาสนา มิใช่เป็นเพียงแค่ทำตัวให้เป็นที่นิยมยอมรับหรือปฏิเสธ
พ่อคิดว่า ศาสนา คือที่มาของคำว่าดับและเย็นเท่านั้น
พุทธะอิสระ
๓
ลูกรัก.....การเรียนรู้พุทธศาสนา ผู้ที่จะเข้าถึงความจริงของศาสนานี้ มิใช่เข้าได้ด้วยการเรียนรู้ตำรา คัมภีร์ อักษรภาษาหนังสือ แต่มันเริ่มต้นการเรียนรู้ ด้วยการเข้าใจความหมายของสรรพชีวิต สรรพสิ่ง สรรพสัตว์ และสรรพวัตถุ แค่นี้พ่อคิดว่าเข้าถึงตัวศาสนาแล้วหละ
พุทธะอิสระ
๔
ลูกรัก.....สำหรับพ่อ, ศาสนามิได้สอนทฤษฎีหรือปรัชญา และวิชาการต่อพ่อ แต่ศาสนาได้สอนตัวชีวิตและวิญญาณให้แก่พ่อ ซึ่งมันก็คงจะรวบรวมเอาสรรพทฤษฎี ปรัชญา และ สรรพสิ่งเข้ามาด้วยเป็นแน่
พุทธะอิสระ
๕
ลูกรัก.....ศาสนานี้ เขามิได้มีไว้สอนคนดี แต่มีเอาไว้ มุ่งสอนคนที่เพียรพยายามจะทำดี ให้เป็นผู้ดี และส่งเสริมคนดีให้ดียิ่งยิ่งขึ้นไป
พุทธะอิสระ
๖
ลูกรัก.....เจ้าจงอย่าเข้าใจผิด คิดว่าพระพุทธศาสนา มีไว้สำหรับคนเบื่อโลก หรือสำหรับผู้ที่เข้าไปอยู่ตามป่าตามเขาเท่านั้น
พุทธะอิสระ
๗
ลูกรัก.....เจ้าจักนับถือศาสนาประเภทอะไร
ศาสนาเปลือก ศาสนาเนื้อ ศาสนาแก่น
พุทธะอิสระ
๘
ลูกรัก.....ศาสนานี้ไม่มีศรัทธาอันโง่เขลา
พุทธะอิสระ
๙
ลูกรัก.....คราใดที่เจ้ารู้สึกตัวว่า เจ้าอยู่ในพระพุทธศาสนานี้ ครานั้น เจ้าคือคนของพระศาสนา คราใดที่เจ้าเป็นคนของพระศาสนา ครานั้น เจ้าก็ต้องทำงานให้กับพระศาสนา คราใดที่เจ้าทำงานให้พระศาสนา ครานั้น เจ้าก็ต้องทำความเจริญให้กับพระศาสนา คราใดที่เจ้าทำความเจริญให้กับพระศาสนา ครานั้น เจ้าจงรู้ไว้เถิดว่า เจ้ากำลังทำความเจริญให้กับจักรวาล และตัวเจ้าเอง
พุทธะอิสระ
๑๐
ลูกรัก.....การค้นหาตัวเจ้าเอง เป็นกิจเบื้องต้นของศาสนธรรมนี้ และ พระบริสุทธิธรรมเป็นกิจเบื้องปลาย
พุทธะอิสระ
๑๑
ลูกรัก.....ธรรมะ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ สรุปลงตรงที่สอนให้ นั่งให้เป็น ยืนให้เป็น กินให้เป็น เดินให้เป็น นอนให้เป็น สุดท้าย ตายให้เป็น
พุทธะอิสระ
๑๒
ลูกรัก.....ไม่ว่าเป็นคนในศาสนาใด มีใครเป็นศาสดา ทุกคนอยู่ในสภาพเดียวกัน คือ ต่างยืนอยู่บนขอบกระทะ และมีสิทธิ์ที่จะตกลงไปในกระทะเท่าเทียมกัน
พุทธะอิสระ
หน้าที่เข้าชม | 1,370,170 ครั้ง |
ร้านค้าอัพเดท | 17 ก.ย. 2568 |