คำนำจากผู้เขียน

 

นักจิตวิทยาทางอาชีพท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า   ชีวิตของคนเราถ้าจะแบ่งออกเป็นช่วงๆ   ก็น่าจะแบ่งได้เป็นสามช่วงหลักๆ  คือ วัยเติบโต   วัยทำงาน   และวัยชรา   ในวัยเติบโตนั้น   เป็นช่วงชีวิตระหว่างอายุ  0 - 20   ปี   โดยประมาณ   ส่วนวัยทำงานจะกินเวลายาวนานถึง   40   ปี   และในวัยชราคือชีวิตหลังเกษียณหรือช่วงอายุมากกว่า   60  

 

ถ้าจะดูตามสูตรนี้เราจะเห็นว่า   ช่วงวัยทำงานเป็นช่วงชีวิตที่ยาวนานมากของทุกคน   ความสุขความทุกข์ของคนเราก็มักจะอยู่ในช่วงนี้เป็นส่วนใหญ่   และการที่เราใช้เวลาร่ำเรียนมาทั้งหมดก็เพื่อจะได้งานทำ   ความสำเร็จหรือความล้มเหลวของชีวิต   ก็มักจะเป็นผลมาจากการทำงานของเราทั้งสิ้น   ดังนั้น   การมีงานทำ   มีความเจริญก้าวหน้าในการงาน   และสามารถหาเงินทองมาเลี้ยงครอบครัว   จึงมักจะเป็นจุดมุ่งหมายของมนุษย์แทบทุกคนก็ว่าได้   ดังคำกล่าวของท่านพุทธทาสภิกขุว่า   “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน”

 

อย่างไรก็ตาม   ในปัจจุบันมีข้อเท็จจริงปรากฏอยู่ตลอดเวลาว่า   หลายคนที่ร่ำเรียนมาหลายปี   แต่ไม่สามารถหางานทำได้   นักศึกษาเป็นจำนวนมากที่เรียนสำเร็จออกมาไม่ได้ทำงานตามสาขาที่ตนเรียนมา   และโดยเฉพาะในยามที่เศรษฐกิจอยู่ในขาลงเป็นระยะเวลายาวนานเช่นนี้  หลายหน่วยงานต้องถูกยุบ   หลายบริษัทต้องปิดตัวลง   พนักงานถูกให้ออกจากงาน   ปัญหาการว่างงานจึงเป็นปัญหาที่สร้างความกดดันเป็นอย่างมากในสังคม   เพราะคนเรานั้น  เมื่อเรียน มาก็หวังว่าจะได้ทำงานตามที่ตนถนัด   หรือคนที่เคยทำงานมีเงินเดือนใช้กลับถูกให้ออกจากงาน   จึงเป็นสภาวะที่เจ็บปวดอย่างยิ่ง   ซึ่งผลกระทบจะเกิดทั้งทางตรงและทางอ้อม   โดยเฉพาะทางด้านจิตใจ   อาจเกิดแรงกดดัน   อันอาจจะทำให้เกิดปัญหาทางสังคมติดตามมาอย่างมากมาย   การช่วยเหลือให้บุคคลมีงานทำจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

 หนังสือเล่มนี้   เขียนขึ้นเพื่อช่วยให้คนมีงานทำ   แม้ว่าในข้อเท็จจริง   การจ้างงานจะขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจของชาติก็ตาม   แต่แม้ว่าเศรษฐกิจยังไม่

ฟื้นตัว   จำนวนอัตราการจ้างงานจะไม่เพิ่มสูงขึ้นมากก็ตาม   แต่การเข้าและออกจากงานก็จะมีเกิดขึ้นอยู่เสมอ   และเมื่อลองเปิดหนังสือพิมพ์หรือ  อินเทอร์เน็ตดู   เราจะเห็นว่ามีการประกาศรับสมัครงานกันทุกวัน    ดังนั้น   ก็แสดงว่า   งานนั้นมีว่างอยู่   ตำแหน่งว่างก็มีมากมาย   ตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงระดับฝ่ายจัดการ   แต่ทำไมคนจึงยังว่างงาน ?   คำตอบก็คือ   สิ่งที่บริษัทต้องการกับสิ่งที่บุคคลมีนั้นไม่ตรงกัน   หรือบุคคลผู้นั้นไม่รู้จักวิธีในการนำเสนอตนเองให้หน่วยงานรู้ว่าเขามีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้น   พูดง่ายๆ   ก็คือ   เขาไม่ได้ทำตัวให้ดูโดดเด่น   ทำให้พลาดโอกาสของการได้งานไปอย่างน่าเสียดาย    หนังสือเล่มนี้จึงถูกเขียนขึ้นเพื่อต้องการให้คุณเป็นผู้สมัครที่โดดเด่น   มีโอกาสดีในการถูกคัดเลือกเข้าทำงาน  

ดังนั้น   ทุกบทที่เขียนจึงเป็นขั้นตอนสำคัญของการได้งานทั้งสิ้น   ถ้าคุณอ่านจนจบและทำตามทุกขั้นตอน   ความหวังของการได้งานของคุณจะมีค่อนข้างสูงกว่าผู้สมัครที่ไม่ได้มีการเตรียมพร้อมมาเลย

 

หนังสือ “วิธีสมัครงาน หรือเปลี่ยนงาน ให้ได้งานที่ตรงกับความสามารถและความต้องการมากที่สุด”   เดิมมีชื่อว่า  “ศิลปะของการสมัครงาน”  นั้นได้มีการปรับปรุงและจัดพิมพ์ขึ้นใหม่   และผู้เขียนก็ได้เพิ่มเติมเนื้อหาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน   ไม่ว่าจะเป็นการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านทางเว็บไซต์เข้ามาช่วยในการหางาน   การเขียนประวัติย่อโดยผ่านทางเว็บไซต์   รวมทั้งได้นำแบบสำรวจความชอบและสนใจในอาชีพมาใส่ไว้เพื่อให้ท่านได้ลองตรวจสอบตนเองว่ามีความสนใจในงานชนิดใดมากที่สุด   โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า  คงเป็นประโยชน์ทั้งกับผู้แสวงหางาน   หรือผู้ที่กำลังคิดจะเปลี่ยนงานขออวยพรให้ทุกท่านโชคดี   ได้งานทำ  และขอให้เป็นงานที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของตน   เพื่อความสุขในชีวิตการทำงาน   รวมทั้งเพื่อสุขภาพจิตที่ดีของตัวท่านและของทุกคนในครอบครัว

 

ดร นวลศิริ  เปาโรหิตย์