ศิลปะการสอนที่มีชีวิต โรงเรียนวอลดอร์ฟ จันทร์เพ็ญ พันธุ์โอสถ แปล

ศิลปะการสอนที่มีชีวิต โรงเรียนวอลดอร์ฟ จันทร์เพ็ญ พันธุ์โอสถ แปล
ศิลปะการสอนที่มีชีวิต โรงเรียนวอลดอร์ฟ จันทร์เพ็ญ พันธุ์โอสถ แปลศิลปะการสอนที่มีชีวิต โรงเรียนวอลดอร์ฟ จันทร์เพ็ญ พันธุ์โอสถ แปล
รหัสสินค้า SKU-07359
หมวดหมู่ หนังสือ การศึกษา ฝึกภาษา
ราคา 199.00 บาท
ลงสินค้า 9 ธ.ค. 2562
อัพเดทล่าสุด 11 ก.ค. 2564
คงเหลือ 0 ชิ้น
ขออภัย สินค้าหมด
บัตรประชาชน
บุ๊คแบ๊งค์
คุ้มครองโดย LnwPay

   "การศึกษาในโรงเรียนวอลดอร์ฟ มิใช่เป็นเรื่องของระบบวิธีการสอน หากแต่เป็นเรื่องของศิลปะ ศิลปะแห่งการปลุกสิ่งที่ดำรงอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนให้ตื่นขึ้นมา ฉะนั้น โรงเรียนวอลดอร์ฟมิได้มุ่งหมายจะให้การอบรมสั่งสอน หากแต่มุ่งหมายจะปลุก โดยแรกสุดจะต้องปลุกครูขึ้นเสียก่อน จากนั้นครูจะต้องปลุกนักเรียนและอนุชนทั้งหลายอีกต่อหนึ่ง"

     ข้างต้นคือคำกล่าวของ รูดอล์ฟ สไตเนอร์นักปรัชญาและนักการศึกษาชาวออสเตรีย ผู้ให้กำเนิดปรัชญาการศึกษาวอลดอร์ฟ และก่อตั้งโรงเรียนวอลดอร์ฟแห่งแรกขึ้นที่ประเทศเยอรมนี โดยมุ่งหมายให้เด็กได้รับการพัฒนาอย่างสมดุลครบถ้วนทั้งร่างกาย จิตใจ  และปัญญา เพื่อเติบโตขึ้นมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ซึ่งต่อมาได้กลายต้นแบบของเครือข่ายโรงเรียนวอลดอร์ฟจำนวนนับพันแห่งใน 50 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยคือ ศูนย์การเรียนปัญโญทัย ของ นพ.พร พันธุ์โอสถ

บ่มเพาะความเป็นมนุษย์
ปลุกศักยภาพในตัวเด็ก

     โรงเรียนวอลดอร์ฟแห่งแรกถือกำเนิดขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นช่วงที่ชาวเยอรมันรู้สึกเจ็บปวดกับสงครามที่เพิ่งผ่านไป นักคิดและปัญญาชนจำนวนไม่น้อยต่างมุ่งแสวงหาแนวทางที่จะเปลี่ยนแปลงสังคม ขจัดความโหดร้ายทารุณต่อมนุษยชาติให้หมดสิ้นไป หนึ่งในนั้นคือนักอุตสาหกรรมหัวก้าวหน้านาม เอมิล มอลต์ เจ้าของโรงงานยาสูบวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย ในเมืองสตุทการ์ด ในเดือนเมษายน ปี ค.ศ.1919 เอมิลได้เชิญ รูดอล์ฟ สไตเนอร์ นักปรัชญาที่มีชื่อเสียงขณะนั้นมาบรรยายให้คนงานที่โรงงานยาสูบฟัง ปราฏว่าเอมิลรู้สึกประทับใจในสิ่งที่สไตเนอร์พูดเกี่ยวกับการสร้างสังคมใหม่ จึงร้องขอให้สไตเนอร์ช่วยเปิดโรงเรียนขึ้นตามปรัชญาของเขา เพื่อเป็นสถานศึกษาสำหรับลูกหลานคนงานในโรงงาน

     สไตนอร์ตอบกลับเอมิลไปว่า เขายินดีจะเปิดโรงเรียนตามคำร้องขอ ถ้าเอมิลยอมรับเงื่อนไข 4 ข้อของเขาได้ นั่นคือ 1.เป็นโรงเรียนที่เปิดกว้างสำหรับเด็กทุกคน 2.เป็นโรงเรียนสหที่เปิดรับเด็กชายหญิงเรียนร่วมกัน 3.เป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาต่อเนื่อง 12 ปี  และ 4.ครูและบุคลากรของโรงเรียนต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของโรงเรียน จะต้องไม่มีการแทรกแซงจากรัฐหรือแม้แต่นายทุนผู้ให้การสนับสนุนโรงเรียน (เอมิลนั่นเอง) ผลปรากฏว่าเอมิลยอมรับเงื่อนไขดังกล่าว โรงเรียนวอลดอร์ฟแห่งแรกจึงเกิดขึ้น และเปิดประตูรับเด็กนักเรียนในวันที่ 7 กันยายน ค.ศ.1919

     โรงเรียนวอลดอร์ฟดำเนินการตามแนวปรัชญาของสไตเนอร์ที่ว่า การศึกษาไม่ใช่เรื่องของการสอนหนังสือหรือการให้ข้อมูลความรู้แก่เด็ก แต่คือการบ่มเพาะความเป็นมนุษย์และปลุกความสามารถที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวเด็กให้ปรากฏออกมา เพื่อช่วยให้เด็กบรรลุศักยภาพสูงสุดในตัวเอง เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สร้างสรรค์ มีอิสระทางปัญญา รู้จักตนเอง รู้จักโลก และสามารถกำหนดแนวทางชีวิตของตนได้อย่างอิสระตามศักยภาพที่มี ซึ่งมนุษย์จะบรรลุศักยภาพสูงสุดของตนได้นั้น ต้องสัมผัสหรือค้นพบส่วนต่างๆ ในตนเองก่อน ดังนั้น การศึกษาวอลดอร์ฟจึงเน้นศึกษาเรื่องมนุษย์และความเชื่อมโยงของมนุษย์กับโลกและจักรวาล เพื่อให้มนุษย์รู้จักจุดยืนที่สมดุลของตนในโลก

สอนตามพัฒนาการ

     สไตเนอร์แบ่งพัฒนาการของมนุษย์ช่วงวัยศึกษาเรียนรู้ในระบบการศึกษาคือ ตั้งแต่แรกเกิดถึง 21 ปี ออกเป็น 3 ช่วง ช่วงละ 7 ปี ดังนี้

   แรกเกิด-7 ปี : เรียนรู้ด้วยการกระทำ ดังนั้น การสอนต้องเน้นให้เด็กมุ่งมั่นตั้งใจกับการกระทำความดี

   7-14 ปี : เรียนรู้จากความประทับใจ ดังนั้น การสอนต้องเน้นให้เด็กรู้สึกถึงความงาม

   14-21 ปี : เรียนรู้จากการคิด ดังนั้น การสอนต้องเน้นให้เด็กคิด จนเกิดปัญญา เห็นสัจธรรมและความจริงในโลก

     แม้ว่าพัฒนาการในแต่ละช่วงวัยจะแตกต่างกัน แต่การจัดการศึกษาในทุกช่วงวัยตามปรัชญาวอลดอร์ฟจะมีจุดร่วมที่เหมือนกันคือ ต้องพัฒนาร่างกายและจิตวิญญาณควบคู่กันไป โดยให้เกิดความสมดุลในการเรียนรู้ด้วยกาย (การลงมือทำ) หัวใจ (ความรู้สึก ความประทับใจ) และสมอง (ความคิด)

เด็กทุกคนมี 'เวลา' ของตัวเอง

     สไตเนอร์เชื่อว่ากระบวนการเรียนรู้ในวัยเด็กนั้นแตกต่างจากผู้ใหญ่ เพราะเด็กมีทัศนะและวิธีการมองโลกที่ต่างออกไป หากครูหรือนักการศึกษาละเลยความสำคัญของสิ่งนี้ แล้วแทนที่ด้วยการใช้ทัศนะแบบผู้ใหญ่ อันเป็นทัศนะที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ทางเชาว์ปัญญา จะส่งผลเสียต่อความสามารถในการพัฒนาตนเองขึ้นมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้

     ด้วยแนวคิดดังกล่าว ทำให้เด็กนักเรียนในโรงเรียนวอลดอร์ฟอ่านหนังสือออกช้ากว่าเด็กวัยเดียวกันในโรงเรียนอื่นๆ นั่นเพราะโรงเรียนวอลดอร์ฟจะไม่เร่งรัดให้เด็กอ่าน เพราะเชื่อว่าเด็กแต่ละคนมีช่วงเวลาที่เหมาะสมของตนเอง ถ้าเด็กได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เอื้อต่อการเรียนรู้ มองเห็นหนังสืออยู่รายรอบตัว และมีประสบการณ์ที่ครูหรือผู้ปกครองอ่านหนังสือนิทานให้ฟังเป็นประจำ เมื่อถึงเวลาที่กำหนดอยู่ภายใน เด็กจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเอง ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้เด็กพัฒนาการอ่านได้ดี และมีนิสัยรักการอ่าน

      ทั้งนี้ พบว่าเด็กที่อ่านออกได้ช้ากว่าเพื่อนๆ แล้วรู้สึกวิตกกังวลหรือเกิดปมด้อยนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากความคาดหวังของพ่อแม่ผู้ปกครองที่ต้องการให้ลูกของตนอ่านหนังสือออกเร็วๆ เมื่อเห็นว่าลูกยังอ่านไม่ได้ ขณะที่เด็กวัยเดียวกันคนอื่นๆ เช่น ลูกของเพื่อนบ้าน ลูกของญาติพี่น้อง หรือเพื่อนร่วมชั้นของลูก อ่านกันได้แล้ว พ่อแม่จะเริ่มวิตกกังวล หวั่นเกรงว่าลูกจะผิดปกติ และความหวั่นวิตกของพ่อแม่นี่เองที่จะถ่ายทอดไปสู่ลูก ฉะนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่พ่อแม่จะต้องเข้าใจ ยอมรับ และรอเวลาที่เด็กพร้อมจะอ่าน

สุนทรียะ ศิลปะ และจินตนาการ

     โรงเรียนวอลดอร์ฟให้ความสำคัญกับสุนทรียภาพ ศิลปะ และจินตนาการ โดยมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเรียนรู้ พัฒนาการ และความเจริญงอกงามในจิตใจของเด็ก การจัดสภาพแวดล้อมและอาคารสถานที่ในโรงเรียนจึงมุ่งเน้นความเป็นธรรมชาติ รายล้อมด้วยต้นไม้ ดอกไม้ ผืนหญ้า และสายน้ำ มีแสงจากธรรมชาติสอดส่องเข้ามาในห้องหรืออาคารเรียนอย่างพอเหมาะ ไม่จ้าหรือมืดทึมจนเกินไป เพราะแสงจ้ามากๆ ทำให้เกิดความร้อนและเด็กจะขาดสมาธิ ครูอาจใช้ผ้าม่านมาช่วยกรองแสงให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ บรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีเสียงดังรบกวน อาจมีเพียงเสียงแผ่วๆ จากธรรมชาติ เช่น เสียงนกร้อง ลมพัด ฝนตก หรือเสียงดนตรีและเพลงที่ไพเราะอ่อนโยน สไตเนอร์เชื่อว่าสภาพแวดล้อมเช่นนี้จะเอื้อต่อการเรียนรู้ ช่วยให้เด็กรู้สึกสงบ มีสมาธิ และเรียนรู้ได้ดีทั้งโลกภายนอกและโลกที่อยู่ภายในตนเอง

     จุดเน้นสำคัญประการหนึ่งของการศึกษาวอลดอร์ฟคือ การกระตุ้นให้เด็กเกิดการพัฒนาด้วยจินตนาการของตนเอง ถ้าครูจะเล่าเทพนิยายให้เด็กปฐมวัย ครูจะเล่าปากเปล่า เพราะภาษาพูดของครูจะกระตุ้นให้เด็กสร้างจินตนาการภายในใจของแต่ละคน บางครั้งครูอาจเล่นนิ้วมือหรือหุ่นง่ายๆ ประกอบการเล่า แต่จะไม่ใช้สื่อมากเกินไป เพราะจะไปจำกัดจินตนาการของเด็ก รวมทั้งไม่ควรเปิดเทปนิทานแทนการเล่าปากเปล่า เพราะภาษาจากสื่อวิทยุเป็นภาษาที่ไม่มีชีวิตและไม่สามารถส่งพลังสั่นสะเทือนเข้าไปกระตุ้นการตอบสนองที่ละเอียดอ่อนภายในของเด็กได้ดีเท่าภาษาพูดจากครูที่อยู่ตรงหน้า

     ด้วยเหตุนี้โรงเรียนวอลดอร์ฟจึงไม่สนับสนุนการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ โดยเฉพาะในเด็กปฐมวัยและประถมศึกษา เพราะเชื่อว่าสื่อเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิดีโอ และวิทยุ จะไปปิดกั้นจินตนาการของเด็ก ยังไม่นับรวมว่าบางรายการในสื่อเหล่านี้อาจมีเนื้อหาไม่เหมาะสมกับเด็กอีกด้วย

     อีกเอกลักษณ์หนึ่งของโรงเรียนวอลดอร์ฟคือ "ยูริธมี (Eurythmy)" ศิลปะการเคลื่อนไหวร่างกายที่สไตเนอร์พัฒนาขึ้น เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายร่วมกับดนตรีและการพูด ยูริธมีจึงมีอีกชื่อว่า "เสียงพูดหรือดนตรีที่มองเห็นได้" สไตเนอร์ชี้ว่าการฝึกยูริธมีจะช่วยจัดระเบียบและความกลมกลืนทั้งกายและจิตระดับต่างๆ ตัวอย่างเช่น ยูริธมีสำหรับเด็กปฐมวัยมักเป็นคำกลอนที่ผูกเป็นนิทานหรือเรื่องเล่าสั้นๆ ที่ให้เด็กทำท่าประกอบ ท่าทางที่ออกแบบมานั้นจะมีความสมดุลเปรียบเสมือนกับมีท่าที่เป็นลมหายใจเข้าและลมหายใจออก การเรียนยูริธมีจะทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยมีครูพิเศษที่ผ่านการฝึกหัดมาโดยเฉพาะเป็นผู้สอน

     นอกจากนี้ยังมีการเรียนการสอนอื่นๆ อีกมากที่เป็นศิลปะ สร้างสุนทรียะและจินตนาการ เช่น การทำงานฝีมือ ที่ฝึกความอุตสาหะ สมาธิ ความละเอียดปราณีต และความคิดสร้างสรรค์ หรือการทำสวน ที่ช่วยให้เด็กได้สัมพันธ์กับพื้นโลก เรียนรู้คุณค่าและความยิ่งใหญ่ของแผ่นดิน เป็นต้น

     โรงเรียนวอลดอร์ฟก่อเกิดทฤษฎีการศึกษาที่น่าสนใจหลายประการ ที่เครือข่ายโรงเรียนวอลดอร์ฟทั่วโลกนำไปเป็นแนวทางในการจัดการศึกษาที่โรงเรียนของตน แต่สำหรับสไตเนอร์แล้ว หัวใจสำคัญของการจัดการศึกษาวอลดอร์ฟนั้นคือ การที่ครูมีความรักต่อเด็กด้วยใจจริง และศรัทธาในพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวเด็ก อันจะเป็นกุญแจไขนำไปสู่ขุมพลังในตัวเด็ก ก่อนจะกระตุ้นให้เด็กแสดงพลังนั้นออกมาและพัฒนาอย่างสูงสุดต่อไป

 

   รูดอล์ฟ สไตเนอร์ (ค.ศ.1861-1925) นักปรัชญาชาวออสเตรียผู้ก่อตั้งการศึกษาวอลดอร์ฟ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1861 ในฮังการี ความเป็นอัจฉริยะของเขาปรากฏขึ้นเมื่อเขาเรียนรู้เรขาคณิตด้วยตัวเองเมื่ออายุเพียง 8 ขวบ พออายุ 15 ปี เขาเริ่มศึกษาปรัชญา เรขาคณิต แคลคูลัส ภาษาละติน และภาษากรีก และเมื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัย สไตเนอร์สนใจศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ผลงานเขียนในระยะแรกของเขาเกี่ยวกับปรัชญาของคานต์ (Kant ) ต่อมาเขาได้ศึกษาวิชาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ปรัชญา วรรณคดี และศึกษางานของเกอเธต์อย่างลึกซึ้ง จนสามารถเป็นบรรณาธิการงานเขียนทางวิทยาศาสตร์ของเกอเธต์และซิลเลอร์ นักปรัชญาชื่อดังชาวเยอรมัน

   สไตเนอร์พัฒนาปรัชญาของเขาต่อมาด้วยการทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกเรื่อง "ทฤษฎีว่าด้วยความรู้" อันเป็นผลงานชิ้นสำคัญในชีวิตของเขา และได้รับการตีพิมพ์ในชื่อ "The Philosphy of Freedom" หรือ "ปรัชญาแห่งความเป็นอิสระและหลุดพ้น"

   นับจากนั้นเป็นต้นมาจวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต สไตเนอร์มุ่งศึกษาเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ และการแสวงหาความจริงของมนุษย์ปรัชญา (Anthroposophy) ที่เขาพัฒนาขึ้น ถือเป็นศาสตร์แห่งจิตวิญญานที่ก้าวพ้นความจำกัดของการแสวงหาความจริงเฉพาะจากการรับรู้ที่เป็นรูปธรรมตามปรัชญาของคานต์ ไปสู่การแสวงหาความจริงจากการรับรู้ของทั้งกายและจิตทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม เป็นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มิได้แยกจากอารมณ์ความรู้สึก แต่อยู่คู่กันอย่างกลมกลืน และจะนำมนุษย์ไปสู่ความเป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง นั่นคือ อิสระและหลุดพ้น ซึ่งการศึกษาวอลดอร์ฟมีพื้นฐานมาจากแนวคิดมนุษย์ปรัชญานี้เอง

วิธีการชำระเงิน

บมจ. ธนาคารกสิกรไทย สาขาวัชรพล ออมทรัพย์
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาแฟชั่น ออมทรัพย์
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) สาขาเดอะมอลล์ ออมทรัพย์
พร้อมเพย์ สาขา- mobile
Scan this!
ณัทกร อภิรติกุล
094-xxxxxx-4
Accept All Banks | รับเงินได้จากทุกธนาคาร

Categories

STATISTICS

หน้าที่เข้าชม1,367,579 ครั้ง
ร้านค้าอัพเดท12 ก.ย. 2568

CONTACT US

0947895624

TRACKCODE

  • ค้นหา
*ใส่ เบอร์มือถือ หรือ email ที่ใช้ในการสั่งซื้อ

เข้าร่วมร้านค้า

ร้านbookpanich
ร้านbookpanich
/www.bookpanich.com/
Join เป็นสมาชิกร้าน
233
สมัครสมาชิกร้านนี้ เพื่อรับสิทธิพิเศษ

ระบบสมาชิก

รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านbookpanich
bookpanich
ศูนย์รวมหนังสือเก่าหายาก (Rare Item) และหนังสือใหม่ (ทุกประเภท) หลากหลายสำนักพิมพ์ หนังสือบางเล่ม " อาจมีราคาสูงกว่าราคาปก " เพราะเป็นหนังสือหายาก ทางร้าน "มีต้นทุนที่สูง ในการจัดหา" และต้องใช้้เวลาในการค้นหา ลูกค้าสามารถ กดสั่งซื้อ หยิบลงตะกร้า (Add To Cart) ก็สั่งซื้อได้ทันที สามารถ....ค้นหาชื่อหนังสือ ด้านบน กดตรงแว่นขยาย นโยบายการคืนสินค้า หากลูกค้าไม่พอใจในสินค้า ทางร้านยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะคืนเงินให้ลูกค้าเต็มจำนวน และขออภัยเป็นอย่างยิ่ง กับข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น ลูกค้าสามารถแจ้งคืนได้ภายใน 7 วัน ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
เบอร์โทร : 0947895624
อีเมล : tt2456@hotmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม